“นอร์เกสเต้” (Norgeste) เป็นยาคุมรายเดือนชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 21 เม็ด โดยมีตัวยาเอทธินิล เอสตราไดออล (Ethinyl estradiol; EE) เม็ดละ 0.03 มิลลิกรัม และลีโวนอร์เจสเทรล (Levonorgestrel; LNG) เม็ดละ 0.15 มิลลิกรัม

เนื่องจาก “นอร์เกสเต้” มีปริมาณ Ethinyl estradiol น้อยกว่า 0.05 มิลลิกรัม จึงจัดอยู่ในกลุ่มของยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม ประเภทฮอร์โมนต่ำ (Low dose pills) ผลข้างเคียงจากเอสโตรเจน ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ปวดศีรษะ, บวมน้ำ หรือการเกิดฝ้า จะพบได้น้อยกว่ายาคุมประเภทฮอร์โมนสูง (High dose pills)
แต่อาจพบผลข้างเคียงจากฤทธิ์แอนโดรเจนของ Levonorgestrel เช่น สิว, หน้ามัน หรือขนดก
นอกจากนี้ การใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (Venous thromboembolism; VTE) ได้
ซึ่งผู้ที่อยู่ในเกณฑ์อ้วนมาก หรือมีค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index; BMI) ตั้งแต่ 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป จะยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น
แม้แนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO), ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา (CDC) และคณะอนามัยเจริญพันธุ์และสุขภาวะทางเพศ สหราชอาณาจักร (FSRH) ไม่ได้ห้ามใช้ในคนอ้วน ถ้าไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันร่วมด้วย
แต่เพื่อความปลอดภัย ก็ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเลือกสูตรยาคุมที่เหมาะสม หรืออาจพิจารณาทางเลือกอื่นแทนการใช้ยาคุมฮอร์โมนรวม โดยเฉพาะผู้ที่มีค่า BMI > 35 kg/m2
อย่างไรก็ตาม ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมที่มีปริมาณเอสโตรเจน Ethinyl estradiol ไม่เกินเม็ดละ 0.03 มิลลิกรัม และใช้ตัวยาโปรเจสตินเป็น Levonorgestrel, Norethisterone หรือ Norgestimate มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดต่ำกว่าสูตรอื่น ๆ
ดังนั้น “นอร์เกสเต้” ซึ่งมี Ethinyl estradiol เม็ดละ 0.03 มิลลิกรัม และใช้ Levonorgestrel เป็นตัวยาโปรเจสติน จึงเป็นทางเลือกในการคุมกำเนิดสำหรับผู้ที่เริ่มใช้ยาคุมฮอร์โมนรวม หรือกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงดังกล่าว
แต่ผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ, ผู้ที่สูบบุหรี่และมีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป, ผู้ที่ต้องการใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่นอกเหนือจากการคุมกำเนิด ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้นะคะ
“นอร์เกสเต้” ผลิตโดยบริษัท ไบร์วู๊ดฟาร์มาซูติคอล จำกัด (Brywood Pharmaceutical Co., Ltd.) ราคาประมาณ 50 – 70 บาท
แต่ปัจจุบันไม่มีใช้แล้ว โดยระบบตรวจสอบการอนุญาตของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่ามีการยกเลิกทะเบียนตำรับยานี้ไปเมื่อ 30 สิงหาคม 2567 ค่ะ




