ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยในปัจจุบัน มีหลายยี่ห้อ ยกตัวอย่างเช่น “โพสตินอร์” (Postinor), “มาดอนน่า” (Madonna), “แมรี่ พิงค์” (Mary pink), “แอปคาร์ นอร์แพก” (ABCA Norpak), “เลดี้นอร์” (Ladynore), “แจนนี่” (Janny) หรือ “เอ-โพสน็อกซ์” (A-Posnox)
ทั้งหมดถือเป็นยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (Levonorgestrel) ที่มีตัวยาสำคัญเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม เมื่อ 1 แผงมีเม็ดยาอยู่ 2 เม็ด ปริมาณตัวยาสำคัญในแต่ละแผงจึงเท่ากับ 1.5 มิลลิกรัมนั่นเอง
เนื่องจากมีตัวยาสำคัญชนิดเดียวกัน อีกทั้งมีปริมาณเท่ากัน ประสิทธิภาพ, ผลข้างเคียง และวิธีใช้ จึงไม่แตกต่างกันค่ะ ส่วนราคา อาจแตกต่างกันบ้างตามการกำหนดของบริษัทยาและพื้นที่จำหน่าย
ยี่ห้อ : โพสตินอร์ (Postinor) การขึ้นทะเบียนยา : ยานำเข้าจากต่างประเทศ / แบ่งบรรจุในประเทศ ราคา : 60 – 90 บาท |
|
ยี่ห้อ : มาดอนน่า (Madonna) การขึ้นทะเบียนยา : ยาที่ผลิตภายในประเทศ ราคา : 50 – 70 บาท |
|
ยี่ห้อ : แมรี่ พิงค์ (Mary pink) การขึ้นทะเบียนยา : ยาที่ผลิตภายในประเทศ ราคา : 40 – 50 บาท |
|
ยี่ห้อ : แอปคาร์ นอร์แพก (ABCA Norpak) การขึ้นทะเบียนยา : ยานำเข้าจากต่างประเทศ ราคา : 40 – 50 บาท |
|
ยี่ห้อ : เลดี้นอร์ (Ladynore) การขึ้นทะเบียนยา : ยาที่ผลิตภายในประเทศ ราคา : 40 – 50 บาท |
|
ยี่ห้อ : แจนนี่ (Janny) การขึ้นทะเบียนยา : ยาที่ผลิตภายในประเทศ ราคา : 40 – 50 บาท |
|
ยี่ห้อ : เอ-โพสน็อกซ์ (A-Posnox) การขึ้นทะเบียนยา : ยาที่ผลิตภายในประเทศ ราคา : 50 – 70 บาท |
วิธีใช้ที่ระบุไว้ในเอกสารกำกับยา จะตรงกันทุกยี่ห้อ โดยยึดหลักเกณฑ์ของการแสดงข้อความในฉลาก ตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ที่ 1037/2543 นั่นคือ “รับประทานยา 1 เม็ด ภายใน 24 ชั่วโมง แต่ไม่นานเกินกว่า 72 ชั่วโมง ภายหลังจากมีเพศสัมพันธ์ และจะต้องรับประทานซ้ำอีก 1 เม็ด หลังรับประทานเม็ดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง”
คำแนะนำดังกล่าวอ้างอิงมาจากวิธีดั้งเดิมในการใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล ซึ่งระบุให้รับประทานครั้งละ 0.75 มิลลิกรัม 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
แต่ในปัจจุบัน หลายหน่วยงาน/สถาบัน แนะนำให้ใช้ตามวิธีใหม่ นั่นคือ รับประทานในขนาด 1.5 มิลลิกรัม เพียงครั้งเดียว โดยสมาคมสูตินรีแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา (ACOG), คณะอนามัยเจริญพันธุ์และสุขภาวะทางเพศ สหราชอาณาจักร (FSRH) และ International Consortium for Emergency Contraception (ICEC) ยังคงกรอบเวลาเดิม คือ ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
ในขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา (CDC), องค์การอนามัยโลก (WHO) และ สมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAP) ปรับกรอบเวลาเป็น ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา และ องค์การอนามัยโลก แนะนำว่าการรับประทานแยกเป็น 2 ครั้งตามวิธีดั้งเดิม ก็ยังเป็นที่ยอมรับให้ใช้ได้เช่นกันนะคะ
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล ในขนาด 1.5 มิลลิกรัมครั้งเดียว อาจพบปัญหาปวดศีรษะ, คัดตึงเต้านม หรือประจำเดือนมามาก ได้มากกว่าการรับประทานครั้งละ 0.75 มิลลิกรัม 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง แต่ผลข้างเคียงในภาพรวมไม่ได้แตกต่างกัน อีกทั้งยังใช้สะดวก และมีแนวโน้มที่จะให้ผลป้องกันที่ดีกว่าค่ะ
ดังนั้น หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ “โพสตินอร์”, “มาดอนน่า”, “แมรี่ พิงค์”, “แอปคาร์ นอร์แพก”, “เลดี้นอร์”, “แจนนี่” หรือ “เอ-โพสน็อกซ์” แนะนำให้รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว ตามวิธีการใช้แบบใหม่ไปเลยนะคะ
หรือจะรับประทานแยกเป็น 2 ครั้ง ครั้งละเม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง ตามวิธีการใช้ดั้งเดิมก็ได้เช่นกัน แต่ควรระวังการลืมรับประทานครั้งที่สอง เพราะหากใช้ล่าช้าหรือใช้ไม่ครบขนาด ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลง
ไม่ว่าจะเลือกทำตามวิธีใหม่ หรือจะใช้วิธีดั้งเดิม ก็ควรรับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ หรืออย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ
แม้ว่าจะใช้สะดวก, หาซื้อได้ง่าย และมีราคาไม่แพง แต่ต้องไม่ลืมว่า ต่อให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือจะใช้เร็วเพียงใดก็ตาม แต่ความเสี่ยงที่จะป้องกันล้มเหลวจนเกิดการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ก็ยังสูงกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานหลายเท่า
การใช้ยาคุมฉุกเฉินเพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยางอนามัย หรือเพราะไม่อยากใช้ยาคุมรายเดือน จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลยค่ะ
แต่ควรใช้ในกรณีที่ฉุกเฉิน เช่น ถูกข่มขืน หรือเมื่อเกิดความผิดพลาดจากวิธีคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ เช่น ถุงยางฉีกขาด หรือลืมรับประทานยาคุมรายเดือนแล้วทำให้ไม่มีผลป้องกันจากยาคุมที่ใช้นะคะ