“ไมนอซ” เป็นยาคุมสูตรเดียวกันกับ “มินิดอซ” ค่ะ นั่นคือ ในเม็ดยาสีเหลืองซึ่งเป็น “เม็ดยาฮอร์โมน” นั้น จะประกอบไปด้วยตัวยา Ethinyl estradiol 0.015 มิลลิกรัม และ Gestodene 0.060 มิลลิกรัม ส่วนเม็ดยาสีเขียวซึ่งเป็น “เม็ดยาหลอก” หรือ “เม็ดแป้ง” จะไม่มีตัวยาใด ๆ
แม้จะเป็นยาคุมสูตรเดียวกัน แต่การจัดเรียงเม็ดยาในแผงของ “ไมนอซ” จะแตกต่างไปจาก “มินิดอซ” เล็กน้อยนะคะ โดยเม็ดยาในแผงของ “ไมนอซ” จะแบ่งเป็น 4 แถว ซึ่ง 3 แถวบนจะมี “เม็ดยาฮอร์โมน” อยู่แถวละ 8 เม็ด ส่วนแถวที่ 4 ซึ่งเป็นแถวล่างสุด จะมีเฉพาะ “เม็ดยาหลอก” อยู่ 4 เม็ดเท่านั้น
เมื่อมีการจัดเม็ดยาแยกกันอย่างชัดเจน ไม่ได้รวมเอา “เม็ดยาฮอร์โมน” และ “เม็ดยาหลอก” มาอยู่ในแถวเดียวกัน ปัญหาเรื่องการแกะ “เม็ดยาหลอก” มารับประทานแทน “เม็ดยาฮอร์โมน” จึงเกิดขึ้นได้ยากกว่าค่ะ
วิธีรับประทานยาคุม “ไมนอซ” ผู้ใช้จะต้องรับประทาน “เม็ดยาฮอร์โมน” (เม็ดสีเหลือง) วันละเม็ด ติดต่อกันให้ครบ 24 เม็ดก่อน จากนั้นจึงรับประทานเม็ดยาหลอก (เม็ดสีเขียว) ที่เหลือไปวันละเม็ดจนกว่าจะหมดแผงนะคะ
อย่างไรก็ตาม เพื่อความสะดวก ผู้ผลิตได้ระบุตัวเลข 1 – 28 กำกับไว้ที่ด้านหลังของแผงยา ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคือ “ลำดับการใช้” ไม่ใช่ “วันที่ตามปฏิทิน” ดังนั้น ไม่ว่าผู้ใช้จะเริ่มรับประทานยาคุมในวันที่เท่าไหร่ของเดือนก็ตาม เม็ดแรกที่จะต้องแกะมารับประทาน ก็คือ “เม็ดยาลำดับที่ 1” นั่นเองนะคะ
จากนั้นก็ใช้ต่อตามลำดับไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึง “เม็ดยาลำดับที่ 28” ซึ่งเป็นเม็ดสุดท้ายในแผงค่ะ
ประจำเดือนของผู้ใช้จะมาในช่วงที่รับประทาน “เม็ดยาหลอก” โดยมักจะมาหลังใช้ “เม็ดยาฮอร์โมน” หมดไปแล้ว 2 – 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย
และเนื่องจาก “ไมนอซ” มี “เม็ดยาฮอร์โมน” อยู่ 24 เม็ด ประจำเดือนจึงมักจะมาประมาณเม็ดยาลำดับที่ 27 หรือ 28 ของแผงนั่นเอง
จึงไม่ต้องกังวลที่ประจำเดือนจะมาช้ากว่าผู้ที่ใช้ยาคุมสูตรที่มี “เม็ดยาฮอร์โมน” 21 เม็ดนะคะ
เมื่อประจำเดือนมาและใช้ยาคุม “ไมนอซ” ไปจนครบ 28 เม็ดแล้ว ก็ให้ต่อยาคุมแผงใหม่ในวันถัดมาได้เลย ไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหมดก่อน
หากต่อยาคุมถูกต้องตามกำหนดเช่นนี้ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันทุกวันค่ะ