ต้องกินยาคุม 21 เม็ดกี่วัน จึงจะมีเพศสัมพันธ์ได้

ต้องกินยาคุม 21 เม็ดกี่วัน จึงจะมีเพศสัมพันธ์ได้

                แม้จะไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% แต่หากรับประทานยาคุมรายเดือนอย่างถูกต้องและเหมาะสม การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลป้องกันจากยาก็มีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 0.3% เท่านั้นเอง ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ต่ำมากจนไม่น่าจะกังวลเลยนะคะ

                แล้วต้องรับประทานยาคุม 21 กี่วัน จึงจะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ และสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่ต้องใช้การคุมกำเนิดอื่น ๆ ร่วมด้วยล่ะ?

 

                ยาคุม 21 เม็ด เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม ซึ่งแต่ละเม็ดจะมีตัวยาที่เป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนรวมกับฮอร์โมนโปรเจสติน ในปริมาณที่เท่ากันทุกเม็ด

                ในแผงของยาคุม 21 เม็ดส่วนใหญ่ จะเรียงลำดับตามวันหรือตัวย่อของวันในสัปดาห์ แต่มีบางยี่ห้อ เช่น “ไซโคลเม็กซ์-20” (Ciclomex-20) และ “แดฟเน่ 35” (Dafne 35) ที่ระบุตัวเลขลำดับ 1 – 21 โดยให้ใช้ร่วมกับแถบสติกเกอร์ที่ระบุ “ตัวย่อของวันในสัปดาห์” เพื่อให้ง่ายต่อการใช้และการตรวจสอบ

                อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทุก ๆ เม็ดในแผงมีตัวยาเหมือนกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะแกะเม็ดยาในตำแหน่งใดมาใช้ก่อน ผลที่ได้รับก็ไม่แตกต่างกันค่ะ

 

                เพื่อความชัดเจนและเข้าใจง่าย จะแยกการพิจารณาว่าจะต้องรับประทานยาคุม 21 เม็ดกี่วันจึงมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยแบ่งเป็น 2 กรณี นั่นคือ การเริ่มรับประทานยาคุมแผงแรก และ การต่อยาคุมแผงใหม่นะคะ

 

  1. จะต้องรับประทานยาคุมแผงแรกกี่วันจึงมีผลป้องกันการตั้งครรภ์

 

                แม้จะมีหลายกลไกที่ทำให้ยาคุมรายเดือนสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่การยับยั้งไข่ตกก็คือกลไกหลักที่ยาคุม 21 เม็ดใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ค่ะ

                หากเริ่มรับประทานยาคุม 21 เม็ดแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน และใช้ต่อเนื่องตรงเวลาสม่ำเสมอ ยาคุมก็จะสามารถยับยั้งการตกไข่ในรอบเดือนนั้นได้เลย จึงถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ทันทีที่เริ่มใช้

 

                แต่ถ้าเริ่มรับประทานยาคุม 21 เม็ดแผงแรกไม่ทันช่วงเวลาดังกล่าว ก็อาจยับยั้งไข่ที่กำลังจะตกในรอบเดือนนั้นไม่ทัน จึงควรงดมีเพศสัมพันธ์หรือให้คุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วยในช่วงที่เริ่มใช้ ไปจนกว่าจะได้รับประทานยาคุมติดต่อกันครบ 7 วันก่อน

                ยกตัวอย่างเช่น หากเริ่มรับประทานยาคุมแผงนั้นในวันเสาร์ และรับประทานต่อเนื่องกันไปทุกวัน เมื่อถึงเวลารับประทานยาคุมในวันเสาร์ถัดไป จึงจะสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วยนะคะ

 

                อย่างไรก็ตาม หากเกิดการตั้งครรภ์ก่อนที่ยาคุมจะมีผลป้องกันได้ แม้จะรับประทานยาคุมต่อก็ไม่สามารถยุติการตั้งครรภ์ดังกล่าวค่ะ

                ดังนั้น หากจะเริ่มยาคุม 21 เม็ดแผงแรกโดยไม่รอให้ประจำเดือนมาก่อน ต้องมั่นใจว่าไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ก่อนเริ่มรับประทานยาคุม ยกตัวอย่างเช่น นับตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือนในรอบล่าสุดมาจนถึงวันที่ต้องการใช้ยา ยังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เลย

 

                สรุปก็คือ สำหรับผู้ที่ไม่มีผลคุมกำเนิดจากวิธีใดอยู่ แนะนำให้รอประจำเดือนมาก่อน แล้วจึงเริ่มรับประทานยาคุม 21 เม็ดแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน และถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ทันทีที่เริ่มใช้

                แต่ถ้ามั่นใจว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ ก็สามารถเริ่มรับประทานยาคุม 21 เม็ดแผงแรกได้เลยโดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนมาก่อน แต่ควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วย ไปจนกว่าจะได้รับประทานยาคุมแผงนั้นติดต่อกันครบ 7 วันนะคะ

 

 

  1. จะต้องรอหลังต่อแผงใหม่กี่วันจึงมีผลป้องกันการตั้งครรภ์

 

                เมื่อรับประทานยาคุม 21 เม็ดหมดแผงแล้ว ก็ให้เว้นว่าง 7 วันเพื่อเป็นช่วงปลอดฮอร์โมนให้ประจำเดือนมา จากนั้นจึงเริ่มรับประทานยาคุมแผงใหม่ในวันที่ 8 ของการเว้นว่าง

                ยาคุม 21 เม็ด เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม หากรับประทานอย่างถูกต้องและเหมาะสม จะมีประสิทธิภาพในการยับยั้งไข่ตกได้มากกว่า 99% ดังนั้น โดยปกติแล้ว ในระหว่างที่รับประทานยาคุมต่อเนื่องก็น่าจะไม่มีไข่ตก

 

                หากหยุดใช้ เช่น หลังจากที่รับประทานหมดแผงและเลิกคุมกำเนิดต่อ ก็จะไม่มีผลยับยั้งไข่ตกจากยาคุมอีกแล้ว จึงสามารถเกิดการตกไข่ในรอบเดือนถัดมาได้เลย

                แต่ถ้าต่อยาคุม 21 เม็ดแผงใหม่ตรงตามกำหนด หรือช้ากว่ากำหนดไม่มากนัก และใช้ต่อเนื่องตรงเวลาสม่ำเสมอ ก็สามารถจะยับยั้งการตกไข่ในรอบเดือนใหม่ได้ทัน จึงถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันทุกวันค่ะ

 

                ในกรณีที่ต่อยาคุม 21 เม็ดแผงใหม่ช้า แนวทางของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา (CDC) และคณะอนามัยเจริญพันธุ์และสุขภาวะทางเพศ สหราชอาณาจักร (FSRH) แนะนำว่าหากเริ่มแผงใหม่ช้าเกินกำหนดตั้งแต่ 48 ชั่วโมงขึ้นไปนับจากเวลาที่ควรใช้ ให้รีบรับประทาน 1 เม็ดทันทีที่ทำได้ แล้วรอรับประทานเม็ดต่อ ๆ ไปตามเวลาปกติ

                แต่ควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือหรือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วย ไปจนกว่าจะได้รับประทานยาคุมแผงนั้นติดต่อกันครบ 7 วันก่อน

                และหากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันไปแล้วในช่วงที่ไม่มีการรับประทานยาคุม หากยังไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรืออย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรพิจารณาการใช้ยาคุมฉุกเฉินเพื่อลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ไม่พร้อมด้วยนะคะ

 

                ส่วนแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) มีความเห็นที่ตรงกับ 2 แนวทางข้างต้น ในกรณีที่ใช้ยาคุมที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน Ethinyl estradiol ไม่เกิน 0.020 มิลลิกรัม

                แต่หากยาคุมที่ใช้มีฮอร์โมนเอสโตรเจน Ethinyl estradiol มากกว่า 0.020 มิลลิกรัม แต่ไม่ถึง 0.050 มิลลิกรัม องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ปรับกรอบเวลายืดหยุ่นจาก 48 ชั่วโมง ไปเป็น 72 ชั่วโมงได้ค่ะ

 

                สรุปก็คือ สำหรับผู้ที่ใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมอยู่แล้ว หากต่อยาคุม 21 เม็ดแผงใหม่ตรงตามกำหนด จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันทุกวัน

                แต่ถ้าต่อยาคุม 21 เม็ดแผงใหม่ช้ากว่ากำหนดตั้งแต่ 48 ชั่วโมงขึ้นไปนับจากเวลาที่ควรใช้ (หรือตั้งแต่ 72 ชั่วโมงขึ้นไปในกรณีของยาคุมที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน Ethinyl estradiol มากกว่า 0.020 มิลลิกรัม แต่ไม่ถึง 0.050 มิลลิกรัม หากอ้างอิงตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก) ก็ควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วย ไปอีก 7 วันนะคะ

 

 

 

เอกสารอ้างอิง

  1. FSRH CEU Guidance: Recommended Actions after Incorrect Use of Combined Hormonal Contraception. Faculty of Sexual & Reproductive Healthcare, 2020.
  2. U.S. Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use. Centers for Disease Control and Prevention, 2016.
  3. Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use, 3rd edition. World Health Organization, 2016.