เราสามารถรับประทานยาคุมหลังจากที่ประจำเดือนหมดได้ไหม แล้วต้องรับประทานกี่วันขึ้นไป จึงจะสามารถมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยางได้
สำหรับการใช้ยาคุมแผงแรก จะแนะนำให้เริ่มรับประทานในวันแรก หรือภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ทั้งเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้ไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่ และเพื่อให้ยาคุมมีประสิทธิภาพสูงสุดที่จะยับยั้งการตกไข่ในรอบเดือนนั้นได้เลย โดยถือว่ามีผลคุมกำเนิดทันทีที่เริ่มใช้
การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดตามปกติ (Typical use) มีโอกาสตั้งครรภ์ 7% ส่วนการใช้อย่างสมบูรณ์แบบ (Perfect use) มีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 0.3% จะเห็นได้ว่า หากรับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลป้องกันจากยาคุมรายเดือน ก็ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยมากที่จะตั้งครรภ์นะคะ
สำหรับการต่อยาคุมแผงใหม่ จึงแนะนำให้รับประทานตามกำหนด โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นวันที่เท่าไหร่ของการมีประจำเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีช่วงปลอดฮอร์โมนที่นานเกินไป จนเสี่ยงที่ยาคุมอาจไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะยับยั้งการตกไข่ในรอบเดือนนั้น ๆ ค่ะ
กำหนดต่อแผงใหม่ ถ้าเป็นยาคุมแบบ 21 เม็ด เมื่อรับประทานหมดแล้วก็จะเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อแผงใหม่ (เริ่มรับประทานแผงใหม่ในวันที่ 8 ของการเว้นว่าง)
ส่วน “ออยเลซ” ซึ่งเป็นยาคุมแบบ 22 เม็ด เมื่อรับประทานหมดแล้วก็ให้เว้นว่าง 6 วันก่อนต่อแผงใหม่ (เริ่มรับประทานแผงใหม่ในวันที่ 7 ของการเว้นว่าง)
ในขณะที่ยาคุมแบบ 28 เม็ด ไม่ว่าจะเป็นสูตร 21/7 (นั่นคือ มีเม็ดยาฮอร์โมน 21 เม็ด และมีเม็ดยาหลอก 7 เม็ด) หรือสูตร 24/4 (นั่นคือ มีเม็ดยาฮอร์โมน 24 เม็ด และมีเม็ดยาหลอก 4 เม็ด) เมื่อรับประทานหมดทั้ง 28 เม็ดแล้ว ก็ต้องต่อแผงใหม่ในวันถัดมา
ประจำเดือนของผู้ใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ดและ 22 เม็ด จะมาในช่วงที่เว้นว่าง โดยมักจะมาประมาณวันที่ 3 – 4 ของการเว้นว่าง หรืออาจคลาดเคลื่อนจากนั้นเล็กน้อย
ส่วนประจำเดือนของผู้ใช้ยาคุมแบบ 28 เม็ดสูตร 21/7 และ 24/4 จะมาในช่วงที่รับประทานเม็ดยาหลอก โดยมักจะมาตรงกับวันที่ใช้เม็ดยาหลอกเม็ดที่ 3 – 4 โดยประมาณ หรืออาจคลาดเคลื่อนจากนั้นเล็กน้อย
และยังมียาคุมแบบ 28 เม็ดบางยี่ห้อ ที่ไม่มีเม็ดยาหลอกอยู่ในแผงเลยนะคะ ได้แก่ “เอ็กซ์ลูตอน”, “เดลิต้อน” และ “ซีราเซท” โดยหลังจากที่รับประทานหมดทั้ง 28 เม็ดแล้ว ก็ให้ต่อแผงใหม่ในวันถัดมา เช่นเดียวกับยาคุมแบบ 28 เม็ดทั่ว ๆ ไป
แต่ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าประจำเดือนจะมาหรือไม่ และจะมาในช่วงใดของแผง เนื่องจากผลข้างเคียงเด่นของยาคุมรูปแบบนี้ก็คือ การมีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือน ซึ่งก็ไม่ควรกังวล เพราะการที่ประจำเดือนไม่มา หรือมาน้อยกว่าปกติ ในระหว่างที่ใช้ยาคุมรูปแบบนี้ ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพค่ะ
จะเห็นได้ว่า มีเพียงกรณีของยาคุมแผงแรก ที่แนะนำให้เริ่มรับประทานในวันแรก หรือภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อคัดกรองความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ก่อนที่จะใช้ยาคุม
แต่ถ้ามั่นว่าไม่ตั้งครรภ์แน่นอน จะเริ่มยาคุมแผงแรกเมื่อไหร่ก็ได้นะคะ นั่นคือ สามารถรับประทานหลังจากที่ประจำเดือนหมดไปแล้วก็ได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าวันที่เริ่มยาคุมแผงแรก ไม่ตรงกับวันแรกของการมีประจำเดือน หรือไม่อยู่ในช่วงเวลา 5 วันแรกของการมีประจำเดือน (ขึ้นกับกรอบเวลาที่ยาคุมแต่ละยี่ห้อกำหนดไว้) ก็จะต้องรับประทานยาคุมแผงนั้นติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อน (9 วันสำหรับ “ไคลรา” และ 48 ชั่วโมงสำหรับ “เอ็กซ์ลูตอน”, “เดลิต้อน” หรือ “ซีราเซท”) จึงจะสามารถมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยางได้ค่ะ
การเริ่มรับประทานยาคุมในระหว่างที่มีประจำเดือน ไม่ได้ทำให้ประจำเดือนผิดปกติ หรือส่งผลเสียใด ๆ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรอให้ประจำเดือนหายดีก่อน แล้วจึงค่อยเริ่มใช้
ซึ่งหากจะรอต่อยาคุมแผงใหม่หลังจากที่ประจำเดือนหมดแล้ว ก็ต้องระวังว่าจะช้าเกินกำหนดไปหรือเปล่าด้วยนะคะ
ถ้าต่อยาคุมแผงใหม่ช้าจนเกินกรอบเวลายืดหยุ่น (อาจแตกต่างกันสำหรับยาคุมแต่ละยี่ห้อ) ก็ควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ไปจนกว่าจะรับประทานยาคุมแผงใหม่ติดต่อกันครบ 7 วันก่อนค่ะ (9 วันสำหรับ “ไคลรา” และ 48 ชั่วโมงสำหรับ “เอ็กซ์ลูตอน”, “เดลิต้อน” หรือ “ซีราเซท”)
เอกสารอ้างอิง
- Trussell J, Aiken ARA, Mickes E, Guthrie K. Efficacy, Safety, and Personal Considerations. In: Contraceptive Technology, 21st ed, Hatcher RA, Nelson AL, Trussell J, et al (Eds), Ayer Company Publishers, Inc., New York 2018.
- Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use, 3rd edition. World Health Organization, 2016.
- U.S. Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use. Centers for Disease Control and Prevention, 2016.
- FSRH Guideline: Combined Hormonal Contraceptive. Faculty of Sexual & Reproductive Healthcare, 2019. (Amended November 2020)
- FSRH CEU Guidance: Progestogen-only Pills, August 2022. (Amended October 2022)