ยาคุม “โลล่า” เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 21 เม็ด ซึ่งแต่ละเม็ดประกอบด้วยตัวยาฮอร์โมน Ethinylestradiol 0.02 มิลลิกรัม และ Levonorgestrel 0.1 มิลลิกรัม
แม้ว่าทุกเม็ดในแผงจะมีตัวยาเหมือนกันทั้งหมด แต่แนะนำให้ผู้ใช้แกะเม็ดยาที่ระบุ “ตัวย่อของวันในสัปดาห์” มารับประทานให้ตรงกับวันที่ใช้จริงนะคะ
เช่น ถ้าเริ่มรับประทานยาคุมในวันพุธ ก็ให้แกะเม็ดยาที่ระบุตัวย่อว่า “พ” ในแถวแรกมารับประทานก่อนค่ะ จากนั้นก็ให้รับประทานต่อวันละเม็ดเรียงตามลำดับดังกล่าวไปเรื่อย ๆ
อย่าลืมตรวจสอบ “ตัวย่อของวันในสัปดาห์” ที่ระบุไว้ในแผงทุกครั้งก่อนที่จะแกะยามาใช้ และรับประทานทันทีที่แกะเม็ดยาออกมาจากแผงนะคะ
ถ้าวันไหนไม่มั่นใจว่ามีการรับประทานยาคุมไปแล้วหรือยัง ก็ให้ดูว่ายังมีเม็ดยาประจำวันนั้นอยู่ในแผงตามลำดับการใช้ปัจจุบันหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็หมายถึงมีการรับประทานไปแล้ว จึงไม่ต้องแกะเม็ดอื่นมารับประทานเพิ่มอีก ช่วยป้องกันการรับประทานซ้ำซ้อนเกินขนาดได้
หรือถ้าเห็นเม็ดยานั้นยังตกค้างอยู่ในแผง ก็แสดงว่ายังไม่ได้รับประทานเลย จึงควรรับประทานเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ แล้วรับประทานเม็ดต่อไปตามเวลาปกติ เมื่อแก้ไขได้เหมาะสมและรวดเร็วก็ไม่น่าจะกระทบกับประสิทธิภาพของยามากนัก
เมื่อรับประทานเม็ดสุดท้ายของแถวที่สามไปแล้ว ก็ให้วนกลับขึ้นมารับประทานเม็ดยาที่ยังตกค้างอยู่ในแถวแรกต่อตามลำดับไปจนกว่าจะครบทั้ง 21 เม็ดนะคะ
จากนั้นก็ให้เว้นว่าง 7 วันเป็นช่วงปลอดฮอร์โมนให้ประจำเดือนมา ก่อนที่จะต่อยาคุมแผงถัดไปตามกำหนด
หากใช้ยาคุม “โลล่า” ถูกต้องและครบถ้วน วันที่เริ่มรับประทานเม็ดแรกของแต่ละแผง ก็จะตรงกับวันเดียวกันในสัปดาห์ค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเริ่มรับประทานยาคุมแผงนี้ในวันพุธ ก็จะได้รับประทานเม็ดสุดท้ายของแผงในวันอังคาร จากนั้นก็ให้เว้นว่าง 7 วันในวันพุธ – พฤหัสบดี – ศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ – จันทร์ – อังคาร และเริ่มรับประทานแผงถัดไปในวันพุธเหมือนเดิมนั่นเอง
ประจำเดือนของผู้ใช้ยาคุม “โลล่า” จะมาในช่วงที่เว้นว่างดังกล่าว โดยมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 – 3 วัน หรืออาจคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อย
เมื่อประจำเดือนมา และเว้นว่างจนครบ 7 วันแล้ว ก็ให้ต่อยาคุมแผงใหม่ได้เลยนะคะ เมื่อต่อยาคุมแผงใหม่ตรงตามกำหนดก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันทุกวันค่ะ