กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเลือดออก จะท้องไหม

กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเลือดออก จะท้องไหม

                หากมีเลือดออกหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน แสดงว่ายาใช้ได้ผลในการป้องกัน หรือหมายถึงมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นแล้ว?!?

 

                ผลข้างเคียงอย่างหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน ก็คือ การมีเลือดออกกะปริบกะปรอยค่ะ โดยมักพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน

                และพบได้ทั้งจากการรับประทานวิธีใหม่แบบครบขนาดในครั้งเดียว (นั่นคือ รับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิด 1 เม็ด ครั้งเดียว หรือรับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิด 2 เม็ด แบบ 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว) และจากวิธีดั้งเดิม (โดยรับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิด 2 เม็ด โดยใช้ครั้งละ 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง)

                แม้จะถือว่าเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นกับทุกคน หรือกับทุกครั้งที่ใช้นะคะ เพราะผลการศึกษาชี้ว่า หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (ซึ่งเป็นชนิดที่มีจำหน่ายในประเทศไทย และอีกหลายประเทศทั่วโลก) มีผู้ใช้ประมาณ 1 ใน 7 ที่มีเลือดออกกะปริบกะปรอยค่ะ

 

                จึงเป็นการบอกกับเราว่า ไม่จำเป็นจะต้องกังวลหากมีเลือดกะปริบกะปรอยออกภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน เพราะเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว

                หรือหากไม่มีเลือดออกกะปริบกะปรอยเลย ก็ไม่ต้องกังวลเช่นกันนะคะ เนื่องจากผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เกิดผลข้างเคียงนี้หลังรับประทาน

 

                การมีเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือแม้แต่ผลข้างเคียงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ปวดท้อง ปวดศีรษะ วิงเวียน คัดตึงเต้านม และประจำเดือนมามาก อาจเกิดขึ้น หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ค่ะ

                การที่พบ หรือไม่พบผลข้างเคียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมดที่กล่าวมา ภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน ไม่ใช่สัญญาณเตือนว่ามีการตั้งครรภ์นะคะ แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่ายาคุมจะใช้ได้ผลหรือไม่

 

                หากไม่มีการตั้งครรภ์ ก็ควรจะมีประจำเดือนมาค่ะ ซึ่งมากกว่า 90% ของผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉิน จะมีประจำเดือนมาตรงเวลา หรืออาจคลาดเคลื่อน (เร็วหรือช้าก็ได้) ไม่เกิน 7 วันจากวันที่คาดไว้

            ย้ำนะคะ “ไม่เกิน 7 วันจากวันที่คาดไว้” ไม่ใช่ “ไม่เกิน 7 วันหลังรับประทาน”

 

                ยกตัวอย่างเช่น สำหรับคนที่มีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอ โดยมีรอบประจำเดือนเป็น 28 วัน หากประจำเดือนรอบล่าสุด มาในวันที่ 1 พฤษภาคมเป็นวันแรก วันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาในรอบถัดมาก็จะห่างกัน 28 วัน จึงตรงกับวันที่ 29 พฤษภาคม

                หากมีการรับประทานยาคุมฉุกเฉินในระหว่างนี้ อาจทำให้ประจำเดือนมาคลาดเคลื่อนได้ แต่ก็มักจะไม่เร็วหรือช้าเกินกว่า 7 วันจากวันที่คาดไว้ ดังนั้น ถ้าวันที่คาดไว้ คือ 29 พฤษภาคม ประจำเดือนที่อาจคลาดเคลื่อนไปจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน จึงน่าจะมาในระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม – 5 มิถุนายน นั่นเองค่ะ

 

                ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนวิธีคุมปกตินะคะ เพราะประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินต่ำกว่า จึงเสี่ยงมากกว่าที่จะป้องกันไม่ได้ผลจนเกิดการตั้งครรภ์

                แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน เช่น ถูกข่มขืน, ถุงยางฉีกขาด, ลืมรับประทานยาคุมรายเดือนต่อเนื่องกันหลายวัน หรือลืมฉีดยาคุมตามนัด ก็ควรรับประทานให้ครบขนาด และเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

                โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีเลือดออกภายใน 7 วันหลังรับประทานหรือไม่ เพราะผลข้างเคียงจากยาอาจเกิดขึ้นหรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ และประจำเดือนก็ไม่จำเป็นจะต้องมาภายใน 7 วันหลังรับประทาน

 

                อย่างไรก็ตาม ถ้าประจำเดือนมาช้ากว่าวันที่คาดไว้เกิน 7 วัน ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

               

                นอกจากนี้ เลือดกะปริบกะปรอย ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน โดยปกติแล้วจะหายเองได้ในไม่กี่วัน ดังนั้น หากมีเลือดออกมากหรือนานผิดปกติ หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้องรุนแรง ตกขาวมีกลิ่นเหม็น คันช่องคลอด หรือแสบขัดเวลาปัสสาวะ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ