วิธีรับประทานยาคุม “เลดี้นอร์” (Ladynore)

วิธีรับประทานยาคุมเลดี้นอร์

                “เลดี้นอร์” เป็นยาคุมฉุกเฉินชนิดที่มีแผงละ 2 เม็ด ซึ่งแต่ละเม็ดจะมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (Levonorgestrel; LNG) อยู่เม็ดละ 0.75 มิลลิกรัมค่ะ

                เมื่อรวมกันแล้ว จึงถือว่ายาคุม “เลดี้นอร์” 1 แผง มีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล 1.5 มิลลิกรัมนะคะ

 

                ขนาดวิธีใช้ที่ระบุไว้ข้างกล่องและในเอกสารกำกับยาของยาคุม “เลดี้นอร์” จะตรงกับของยาคุมฉุกเฉินชนิด 2 เม็ดยี่ห้ออื่น ๆ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของการแสดงข้อความในฉลากตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ที่ 1037/2543

                นั่นคือ แนะนำให้ “รับประทานยา 1 เม็ดภายใน 24 ชั่วโมง แต่ไม่นานเกินกว่า 72 ชั่วโมง ภายหลังจากมีเพศสัมพันธ์ และต้องรับประทานซ้ำอีก 1 เม็ด หลังรับประทานเม็ดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง

               

                อย่างไรก็ตาม แนวทางคุมกำเนิดขององค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำวิธีรับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล รูปแบบที่มีแผงละ 2 เม็ด ไว้ดังนี้ค่ะ

  • การรับประทานครั้งเดียว (Single dose) : ให้รับประทานพร้อมกันทั้ง 2 เม็ด
  • การรับประทานแบบ 2 ครั้ง (Split dose) : ให้รับประทาน 1 เม็ดก่อน แล้วรับประทานอีก 1 เม็ดที่เหลือในแผงหลังจากรับประทานเม็ดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง

                ไม่ว่าจะรับประทานแบบครั้งเดียว หรือแยกเป็น 2 ครั้ง ก็ต้องรับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ

 

                และเนื่องจากหลาย ๆ แนวทางที่แนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาคุมฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO), สมาคมสูตินรีแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา (ACOG), สมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAP), International Consortium for Emergency Contraception (ICEC), Faculty of Sexual & Reproductive Healthcare (FSRH) ล้วนแต่แนะนำให้รับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียว เนื่องจากประสิทธิภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าการแยกรับประทาน แต่ใช้สะดวกกว่า และไม่ต้องกังวลว่าจะลืมแล้วรับประทานเม็ดที่สองไม่ตรงเวลาหรือใช้ไม่ครบขนาด

                ดังนั้น หากจำเป็นต้องคุมกำเนิดฉุกเฉิน คุณผู้อ่านก็สามารถรับประทานยาคุม “เลดี้นอร์” ทั้ง 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียวได้เลยนะคะ

                และควรรับประทานทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้หลังมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากพบว่าการใช้ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้หลังจากนั้น โดยเฉพาะ ถ้าเกิน 96 ชั่วไปแล้ว ประสิทธิภาพในการป้องกันจะลดลงมากค่ะ

                แต่แม้ว่าจะเกิน 72 ชั่วโมงไปแล้ว ก็ยังใช้ได้ถ้ายังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ

 

                ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงนัก อีกทั้งยังไม่แน่นอน จึงควรใช้เฉพาะในกรณีที่ฉุกเฉิน เช่น ถูกข่มขืน หรือใช้ในกรณีที่เกิดความผิดพลาดจากวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานที่ใช้อยู่ เช่น ถุงยางแตก หรือลืมรับประทานยาคุมรายเดือนทำให้ไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง

                ไม่ควรนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เช่น การใช้ยาคุมฉุกเฉินเพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยางอนามัย ต่อให้จะมีการใช้ไม่บ่อยครั้ง ก็ถือว่าไม่เหมาะสมค่ะ เพราะมีความเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จและอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็นนะคะ