มีหลายสาเหตุที่อาจลดประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินได้ โดยในบทความนี้จะแนะนำปัญหาซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (LNG-EC) ไม่ได้ผล รวมถึงวิธีป้องกันและแก้ไขค่ะ
-
รับประทานไม่ครบ
วิธีดั้งเดิมในการรับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (LNG-EC) ก็คือ ใช้รูปแบบที่มีแผงละ 2 เม็ด ซึ่งมีตัวยาสำคัญเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม มาแบ่งรับประทานครั้งละ 1 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมง แต่ปัญหาที่พบได้บ่อยก็คือ การลืมใช้เม็ดที่สอง จึงรับประทานช้ากว่าเวลาที่ระบุไว้ หรืออาจไม่ได้รับประทานเลย
เพื่อป้องกันการรับประทานไม่ครบ แนะนำให้ใช้ตามวิธีใหม่ โดยรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียว ซึ่งในปัจจุบัน หลาย ๆ แนวทางได้กำหนดไว้เป็นวิธีใช้มาตรฐานแล้ว1-7
นั่นคือ ใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด ซึ่งมีตัวยาสำคัญเม็ดละ 1.5 มิลลิกรัม ได้แก่ เมเปิ้ล ฟอร์ท (Maple forte), แทนซี วัน (Tansy one), มาดอนน่า วัน (Madonna one), รีโวค-1.5 (Revoke-1.5) และ โพสต์ 1 ฟอร์ต (Post 1 forte) แล้วรับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว
หรือถ้าใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด ซึ่งมีตัวยาสำคัญเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม ได้แก่ โพสตินอร์ (Postinor), มาดอนน่า (Madonna), แมรี่ พิงค์ (Mary pink), แอปคาร์ นอร์แพก (ABCA Norpak), เลดี้นอร์ (Ladynore), แจนนี่ (Janny) และ เอ-โพสน็อกซ์ (A-Posnox) ก็ให้รับประทาน ทั้ง 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียวเลยนะคะ
-
รับประทานล่าช้า
อสุจิที่ผ่านเข้าสู่ช่องคลอด สามารถอยู่รอดในร่างกายได้นานถึง 5 วัน จึงอาจปฏิสนธิกับไข่ที่ตกในระหว่างนั้น และถ้าตัวอ่อนจากการผสม เคลื่อนไปฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูกได้สำเร็จ ก็หมายถึงมีการตั้งครรภ์นั่นเอง ซึ่งการเลื่อนระยะเวลาตกไข่ให้ห่างออกไป เพื่อไม่ให้มีไข่มาผสมกับอสุจิได้ ถือเป็นกลไกหลักในการป้องกันการตั้งครรภ์ของยาคุมฉุกเฉิน
แต่หากใช้ล่าช้าเกินไป ก็อาจเลื่อนการตกไข่ไม่ทันนะคะ โดยยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (LNG-EC) จะไม่มีประสิทธิภาพในการชะลอการตกไข่ เมื่อใช้หลังจากที่ระดับฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่เริ่มสูงขึ้น หรือที่เรียกว่าเข้าสู่ช่วง LH Surge นั่นเอง
จากข้อมูลที่ว่า การตกไข่มักเกิดขึ้นตามหลัง LH Surge ประมาณ 36 ชั่วโมง ในทางทฤษฎี การใช้ยาคุมฉุกเฉินก่อนวันที่คาดว่าจะมีไข่ตกไม่น้อยกว่า 2 วัน จึงน่าจะยังได้ผลอยู่
แต่ในทางปฏิบัติ วันเวลาที่มีไข่ตกจริง อาจคลาดเคลื่อนไปจากที่คำนวณหรือใช้แอปพลิเคชันหาวันไข่ตก จึงไม่อาจมั่นใจได้ว่า มีการใช้ยาคุมฉุกเฉินก่อนเกิด LH Surge หรือไม่
หากเลื่อนการตกไข่ไม่สำเร็จ หรือมีไข่ตกก่อนรับประทานยา ก็มีความเสี่ยงมากที่จะตั้งครรภ์ เนื่องจากกลไกป้องกันอื่น ๆ ของยาคุมฉุกเฉิน ได้แก่ การเพิ่มความข้นเหนียวของเมือกปากมดลูก เพื่อขัดขวางการผ่านของอสุจิเข้าไปผสมกับไข่, การทำให้ท่อนำไข่เคลื่อนไหวผิดปกติ เพื่อให้ไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้ว เดินทางไปถึงเยื่อบุโพรงมดลูกในเวลาที่ไม่เหมาะสมต่อการฝังตัว, และการเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก เพื่อให้ยากต่อการฝังตัวของตัวอ่อน อาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะป้องกันได้
ดังนั้น แม้จะมีกรอบเวลาว่าสามารถใช้ยาคุมฉุกเฉินได้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์1,4,7 หรืออย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์2,3,5,6 แต่หากจำเป็นจะต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน ก็ควรรับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเลื่อนการตกไข่ไม่ทันค่ะ
-
อาเจียนหลังรับประทาน
อาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นผลข้างเคียงที่อาจพบได้หลังใช้ยาคุมฉุกเฉิน แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ใช้ทุกรายนะคะ สำหรับยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (LNG-EC) มีผู้ใช้ 15% ที่รู้สึกคลื่นไส้ และมีเพียง 8.5% ที่อาเจียนหลังรับประทานยา
โดยมีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะรับประทานแบบครบขนาด 1.5 มิลลิกรัมในครั้งเดียว หรือจะแยกรับประทานในขนาด 0.75 มิลลิกรัมสองครั้งห่างกัน 12 ชั่วโมง
แต่เนื่องจากผลข้างเคียงนี้มีความรุนแรงน้อย อีกทั้งสามารถหายเองได้ จึงไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาแก้อาเจียนก่อนใช้ยาคุมฉุกเฉิน
การอาเจียนภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังรับประทาน อาจทำให้การดูดซึมยาไม่สมบูรณ์และไม่เพียงพอที่จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ จึงควรรับประทานซ้ำเพื่อทดแทนยาที่อาจปนออกมากับอาเจียน
สำหรับยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (LNG-EC) ซึ่งเป็นชนิดที่มีใช้ในประเทศไทย มีคำแนะนำให้รับประทานซ้ำ เมื่ออาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังรับประทาน2,4,6 หรืออาจเป็นภายใน 3 ชั่วโมงหลังรับประทาน3,5,7 ขึ้นอยู่กับว่าอ้างอิงจากแนวทางใด
โดยข้อมูลในฉลากหรือเอกสารกำกับยา และตำราวิชาการส่วนใหญ่ในบ้านเรา มักยึดตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก นั่นคือ หากอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังรับประทาน ก็ควรรับประทานซ้ำทันทีที่ทำได้ค่ะ
-
ยาตีกัน
ยาหรือสมุนไพรบางชนิด จะเหนี่ยวนำให้ยาคุมฉุกเฉินถูกทำลายมากขึ้น จนอาจทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ลดลง
ตัวอย่างของยาหรือสมุนไพรที่อาจลดประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (LNG-EC)7,8
ยากันชัก |
Carbamazepine, Eslicarbazepine, Oxcarbazepine, Phenobarbital, Phenytoin, Primidone, Rufinamide, Topiramate |
ยาปฏิชีวนะ |
Rifabutin, Rifampicin |
ยาต้านไวรัสเอชไอวี |
Efavirenz, Nevirapine, Etravirine |
ยาอื่น ๆ/สมุนไพร |
Modafinil, Bosentan, Aprepitant, St John’s wort |
ดังนั้น หากใช้ยา/สมุนไพรดังกล่าวอยู่ หรือหยุดใช้ยังไม่เกิน 28 วัน แล้วจำเป็นจะต้องคุมกำเนิดฉุกเฉิน ควรใช้วิธีใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง (Cu-IUD) ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือภายใน 5 วันหลังตกไข่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหายาตีกันนะคะ4,7,8
หากไม่สามารถทำได้ อาจต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (LNG-EC) เพิ่มเป็น 2 เท่า นั่นคือ ใช้ในขนาด 3 มิลลิกรัม4,7,8 แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์มากหรือน้อยเพียงไร
-
น้ำหนักเกิน/อ้วน
เมื่อศึกษาเกี่ยวกับการใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (LNG-EC) ในคนอ้วน หรือผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index; BMI) ตั้งแต่ 30 กิโลกรัม/ตารางเมตรขึ้นไป พบว่ามีระดับยาในเลือดน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับผู้ใช้ที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
จึงมีความกังวลว่า ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินชนิดนี้อาจลดลงเมื่อใช้กับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน (BMI 25 – 29.9 kg/m2) หรืออ้วน (BMI > 30 kg/m2)
การใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง (Cu-IUD) ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือภายใน 5 วันหลังตกไข่ นอกจากจะเป็นวิธีคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดแล้ว ยังไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำหนักเกินอีกด้วย จึงเป็นทางเลือกแรกที่แนะนำให้ใช้เพื่อคุมกำเนิดฉุกเฉินในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน/อ้วน
ถ้าไม่สามารถทำได้ และจำเป็นจะต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (LNG-EC) บางแนวทางแนะนำให้ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน/อ้วน รับประทานเพิ่มเป็น 2 เท่า นั่นคือ ใช้ในขนาด 3 มิลลิกรัม เพื่อให้ได้ระดับยาในเลือดใกล้เคียงกับผู้ที่มีน้ำหนักปกติ
แต่เพราะยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่า ระดับยาในเลือดที่น้อยกว่า จะทำให้ยาคุมฉุกเฉินชนิดนี้ไม่สามารถยับยั้งไข่ตก หรือไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน อีกทั้งมีข้อมูลว่าแม้จะเพิ่มขนาดเป็น 2 เท่า ถ้ารับประทานในช่วงที่ไข่กำลังจะตก ก็ไม่ได้ลดความเสี่ยงของการตกไข่แตกต่างไปจากการใช้ในขนาดปกติเลย หลายแนวทางจึงยังไม่ได้แนะนำให้เพิ่มขนาดการใช้ค่ะ
คำแนะนำในการคุมกำเนิดฉุกเฉินสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน/อ้วน
แนวทาง |
หลักเกณฑ์ |
คำแนะนำ |
ขนาดยา LNG-EC |
ACOG1 |
BMI > 30 kg/m2 |
การใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง (Cu-IUD) ควรเป็นทางเลือกแรกในการคุมกำเนิดฉุกเฉิน
หากไม่สามารถทำได้ ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยายูริพริสทอล อะซิเตท (UPA-EC)
ถ้าไม่มี จึงค่อยพิจารณาการใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (LNG-EC) |
ปกติ |
WHO2 |
ปกติ |
||
CDC3 |
ปกติ |
||
ICEC/FIGO4 |
2 เท่า |
||
AAP5 |
BMI > 25 kg/m2 หรือมีน้ำหนัก > 75 kg |
ปกติ |
|
FSRH7 |
BMI > 26 kg/m2 หรือมีน้ำหนัก > 70 kg |
2 เท่า |
เมื่ออ้างอิงจากแนวทางขององค์การอนามัยโลก โดยตัดทางเลือกในการใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยายูริพริสทอล อะซิเตท (UPA-EC) ออกเนื่องจากไม่มีใช้ในประเทศไทย ก็จะได้คำแนะนำดังนี้นะคะ
ผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายตั้งแต่ 30 กิโลกรัม/ตารางเมตรขึ้นไป หากมีความจำเป็นที่จะต้องคุมกำเนิดฉุกเฉิน ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณาการใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือภายใน 5 วันหลังตกไข่
แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ ก็ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (LNG-EC) ทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยรับประทานแบบครบขนาด 1.5 มิลลิกรัมในครั้งเดียวค่ะ
เอกสารอ้างอิง
- Emergency contraception. Practice Bulletin No.152. American College of Obstetricians and Gynecologists, 2015.
- Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use, 3rd edition. World Health Organization, 2016.
- U.S. Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use, 2016.
- Emergency Contraceptive Pills: Medical and Service Delivery Guidance, 4th edition. International Consortium for Emergency Contraception (ICEC); International Federation of Gynecology and Obstetrics (FIGO), 2018.
- Emergency Contraception. Pediatrics Vol.144 (6). American Academy of Pediatrics, 2019.
- Family Planning: A Global Handbook for Providers, 4th edition. World Health Organization, 2022.
- FSRH Guideline: Emergency Contraception, March 2017 (Amended July 2023).
- FSRH Clinical Guidance: Drug Interactions between HIV Antiretroviral Therapy (ART) and Contraception, February 2023.