วิธีรับประทานยาคุม “แมรี่ พิงค์” (Mary pink)

วิธีรับประทานยาคุมแมรี่พิงค์

                ในแผงของยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อ “แมรี่ พิงค์” จะมีเม็ดยาอยู่แผงละ 2 เม็ด ซึ่งแต่ละเม็ดมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (Levonorgestrel; LNG) เม็ดละ 0.75 มิลลิกรัมเท่ากันนะคะ

                เมื่อรวมกัน 2 เม็ด ก็จะมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลเท่ากับ 1.5 มิลลิกรัมค่ะ

 

                ขนาดและวิธีการใช้ที่ระบุไว้ที่กล่องและเอกสารกำกับยาของ “แมรี่ พิงค์” แนะนำให้ “รับประทานยา 1 เม็ด ภายใน 24 ชั่วโมง แต่ไม่นานเกินกว่า 72 ชั่วโมง ภายหลังจากมีเพศสัมพันธ์ และต้องรับประทานซ้ำอีก 1 เม็ดหลังจากรับประทานยาเม็ดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง” นะคะ

 

                อย่างไรก็ตาม แนวทางการคุมกำเนิดขององค์การอนามัยโลก (Selected practice recommendations for contraceptive use; Third edition 2016) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา (U.S. Selected practice recommendations for contraceptive use 2016) แนะนำวิธีรับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลที่มีแผงละ 2 เม็ด อย่างยาคุม “แมรี่ พิงค์” ไว้ดังนี้ค่ะ

  • แบบใช้ครั้งเดียว : รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว
  • แบบแบ่งใช้ 2 ครั้ง : รับประทาน 1 เม็ดไปก่อน แล้วรับประทานเม็ดต่อมาห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง

 

                ซึ่งทั้ง 2 วิธี จะต้องรับประทานให้เร็วที่สุดที่ทำได้ ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ

               

ดังนั้น หากจำเป็นต้องใช้…

  1. ก็สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉิน “แมรี่ พิงค์” แบบครบขนาดในครั้งเดียวได้เลยค่ะ เพราะเป็นวิธีรับประทานมาตรฐานที่แนะนำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงสมาคมวิชาชีพอื่น ๆ เช่น สมาคมสูตินรีแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา (ACOG) และสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAP) เนื่องจากประสิทธิภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าการรับประทานแบบแยกขนาด แต่สะดวกสำหรับผู้ใช้มากกว่า และไม่ต้องกังวลว่าจะลืมแล้วรับประทานเม็ดที่สองไม่ตรงเวลา หรือรับประทานไม่ครบขนาด

 

  1. แต่ควรรับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้นะคะ เนื่องจากการรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าการรับประทานในช่วง 72 – 120 ชั่วโมง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเกิน 96 ชั่วโมงไปแล้ว ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ของยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลจะลดลงมาก

 

  1. และไม่ควรนำมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เช่น รับประทานยาคุมฉุกเฉินเพราะไม่อยากใส่ถุงยางอนามัย เนื่องจาก ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่สูงนักและไม่แน่นอน จึงมีความเสี่ยงที่ยาจะป้องกันไม่สำเร็จและอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็น