Annie vs Annylyn ชื่อคล้าย… แต่ไม่เหมือนกัน

                ยาคุม “แอนนี” (Annie) มักถูกอ่านเน้นเสียงเป็น “แอนนี่” จึงฟังคล้ายกับ “แอนนี่ ลินน์” (Annylyn) จนอาจทำให้บางคนเกิดความสับสนได้ โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ใช้ยาคุมตัวใดตัวหนึ่งที่กล่าวมานี้อยู่เป็นประจำ

                และแม้ว่าประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจะไม่ต่างกัน แต่ด้วยชนิดและปริมาณของฮอร์โมนที่ไม่เหมือนกัน จึงทำให้คุณสมบัติและผลข้างเคียงบางประการแตกต่างกันนะคะ

                นอกจากนี้ ทางเลือกของรูปแบบและวิธีใช้ รวมไปถึงราคา ก็มีความแตกต่างกันค่ะ

 

  • ประการแรก คือ รูปแบบและวิธีการใช้

                “แอนนี” เป็นยาคุมแบบ 21 เม็ด  มีการระบุตัวย่อของวันในสัปดาห์ไว้ที่ด้านหลังของแผง โดยให้ผู้ใช้แกะเม็ดยามารับประทานให้ตรงตามวันที่ใช้วันละเม็ด ไปเรื่อย ๆ ใช้หมดแผงแล้วก็ให้เว้นว่าง 7 วันก่อนต่อแผงใหม่ เพื่อเป็นช่วงปลอดฮอร์โมนให้ประจำเดือนมา

                สำหรับ “แอนนี่ ลินน์” จะมีทั้งแบบ 21 เม็ด ซึ่งก็คือ “แอนนี่ ลินน์” ที่มีกล่องและแผงเป็นสีส้ม กับแบบ 28 เม็ด ที่ใช้ชื่อว่า “แอนนี่ ลินน์ 28” ที่มีกล่องและแผงเป็นสีชมพู

ยาคุมแอนนี ยาคุมแอนนี่ ลินน์ โฉมใหม่ ยาคุมแอนนี่ ลินน์ 28 โฉมใหม่

 

                “แอนนี่ ลินน์” ที่เป็นยาคุมแบบ 21 เม็ด จะระบุตัวย่อของวันในสัปดาห์ไว้ที่ด้านหลังของแผง เพื่อให้แกะเม็ดยามาใช้ตามวัน และเมื่อหมดแผงแล้วก็ต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อแผงใหม่ เหมือนกันกับ “แอนนี”

                ส่วน “แอนนี่ ลินน์ 28” ที่เป็นยาคุมแบบ 28 เม็ด จะมีเม็ดยาฮอร์โมน 21 เม็ด เท่ากันกับ “แอนนี” และ “แอนนี่ ลินน์” แต่มี “เม็ดยาหลอก” เพิ่มมาในแผงอีก 7 เม็ด เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประทานยาคุมทุกวันโดยไม่ต้องเว้นว่าง โดยเรียงลำดับการใช้ตามตัวเลขที่อยู่ด้านหลังของแผง เริ่มจากหมายเลข 1 แล้วใช้ต่อวันละเม็ดตามลำดับไปจนถึงหมายเลข 28 หมดแผงแล้วก็ต่อแผงใหม่ในวันถัดมาได้เลย ผู้ใช้จะมีประจำเดือนในช่วงที่รับประทาน “เม็ดยาหลอก” ซึ่งถือเป็นช่วงปลอดฮอร์โมนของแผงค่ะ

blank blank blank

 

                หากพิจารณาในประเด็นนี้ ก็ถือว่า “แอนนี่ ลินน์” มีทางเลือกให้มากกว่า เนื่องจากมีทั้งรูปแบบ 21 เม็ดและ 28 เม็ดให้เลือกตามความถนัดของผู้ใช้แต่ละราย

                อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ด ทั้ง “แอนนี” และ “แอนนี่ ลินน์” (สีส้ม) ก็ถือว่ามีวิธีการใช้ไม่แตกต่างกัน

 

  • ประการที่สอง คือ ปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจน

                “แอนนี” มี เอทธินิล เอสตราไดออล (Ethinyl estradiol) เม็ดละ 0.035 มิลลิกรัม ส่วน “แอนนี่ ลินน์” (รวมถึงเม็ดยาฮอร์โมนของ “แอนนี่ ลินน์ 28”) จะมี เอทธินิล เอสตราไดออล เม็ดละ 0.020 มิลลิกรัม

                หากแบ่งประเภทยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมเป็น 2 กลุ่ม คือ ฮอร์โมนสูง (High dose pills) และฮอร์โมนต่ำ (Low dose pills) ก็จัดว่าทั้ง “แอนนี” และ “แอนนี่ ลินน์” เป็นยาคุมประเภทฮอร์โมนต่ำทั้งคู่ เนื่องจากมี เอทธินิล เอสตราไดออล น้อยกว่า 0.050 มิลลิกรัม

                อย่างไรก็ตาม หากแบ่งประเภทของยาคุมให้ละเอียดขึ้น จะถือว่า “แอนนี่ ลินน์” เป็นยาคุมประเภทฮอร์โมนต่ำมาก (Ultra low dose pills) เพราะมี เอทธินิล เอสตราไดออล ไม่เกิน 0.020 มิลลิกรัม ส่วน “แอนนี” ยังคงเป็นยาคุมประเภทฮอร์โมนต่ำเหมือนเดิม

 

            การจัดประเภทในบทความและเว็บไซต์แห่งนี้ จะอ้างอิงตามแนวทางมาตรฐาน ที่แบ่งยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมเป็น 3 กลุ่ม คือ ฮอร์โมนสูง, ฮอร์โมนต่ำ และฮอร์โมนต่ำมากนะคะ

            อย่างไรก็ตาม มีบางตำราที่ต้องการลดความสับสน จึงเปลี่ยนการเรียกเป็น ฮอร์โมนสูง, ฮอร์โมนกลาง และฮอร์โมนต่ำ ดังนั้น หากคุณผู้อ่านไปเจอคำว่า “ฮอร์โมนกลาง” ตามการเรียกแบบใหม่ ก็จะหมายถึง “ฮอร์โมนต่ำ” ตามนิยามเดิม ส่วน “ฮอร์โมนต่ำ” ตามการเรียกแบบใหม่ ก็จะหมายถึง “ฮอร์โมนต่ำมาก” ตามนิยามเดิมนั่นเอง

            ซึ่งหากไม่มั่นใจ การพิจารณาปริมาณของ เอทธินิล เอสตราไดออล ว่ามี “ตั้งแต่ 0.050 มิลลิกรัมขึ้นไป”, “มากกว่า 0.020 มิลลิกรัม แต่ไม่ถึง 0.050 มิลลิกรัม” หรือ “ไม่เกิน 0.020 มิลลิกรัม” ก็จะช่วยให้เข้าใจได้ตรงกันค่ะ

 

                ยาคุมที่มีฮอร์โมนมากกว่า ก็อาจพบผลข้างเคียงได้มากกว่า ดังนั้น อาการคลื่นไส้, อาเจียน, ปวดศีรษะ, บวมน้ำ หรือการเกิดฝ้า ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากเอสโตรเจน อาจเกิดขึ้นจากการใช้ “แอนนี” มากกว่า “แอนนี่ ลินน์” นะคะ

                แม้จะมีผลข้างเคียงดังที่กล่าวมาต่ำกว่า แต่การใช้ยาคุมที่มีฮอร์โมนต่ำมาก ก็อาจพบปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอยได้มากกว่า โดยเฉพาะถ้ารับประทานไม่ตรงเวลาสม่ำเสมอ

 

  • ประการที่สาม คือ ชนิดของฮอร์โมนโปรเจสติน

                ไซโปรเทอโรน อะซีเตท (Cyproterone acetate) ที่ใช้ในยาคุม “แอนนี” มีผลต้านฤทธิ์แอนโดรเจน จึงช่วยลดปัญหาสิว, หน้ามัน หรือขนดกที่เกิดจากฮอร์โมนได้

                ส่วน เจสโตดีน (Gestodene) ที่ใช้ในยาคุม “แอนนี่ ลินน์” ไม่มีผลต้านฤทธิ์แอนโดรเจนค่ะ แต่ก็น่าจะพบผลข้างเคียงเรื่องสิว, หน้ามัน หรือขนดกได้น้อย เนื่องจากมีการใช้ในขนาดที่น้อยมากนั่นเอง

               

                “แอนนี” จึงอาจเป็นทางเลือกในการคุมกำเนิดสำหรับผู้ที่มีสิวปานกลางถึงมาก ในขณะที่ “แอนนี่ ลินน์” ก็อาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องสิว หรือมีสิวเล็กน้อย

               

  • ประการที่สี่ คือ ราคา

                ทั้ง “แอนนี” และ “แอนนี่ ลินน์” เป็นยาที่ผลิตภายในประเทศ จึงมีราคาถูกกว่า ถ้าเทียบกับยาคุมต้นแบบสูตรเดียวกัน ที่นำเข้าจากต่างประเทศ (ซึ่ง “แอนนี” ก็คือยาคุมสูตรเดียวกับ “ไดแอน” ส่วน “แอนนี่ ลินน์” เป็นยาคุมสูตรเดียวกับ “เมลลิแอน”)

 

                โดยปกติ ยาคุมที่ใช้ฮอร์โมนชนิดเดียวกัน และผลิตภายในประเทศหรือนำเข้าจากต่างประเทศเหมือนกัน ยิ่งตัวไหนมีปริมาณฮอร์โมนต่ำ ก็จะยิ่งมีราคาสูง เพราะถือว่ามีผลข้างเคียงน้อยกว่า

                แต่ถ้ามีฮอร์โมนต่างชนิด เช่น ใช้โปรเจสตินต่างกัน ยาคุมที่มีเอสโตรเจนน้อยกว่าอาจจะมีราคาต่ำกว่า, สูงกว่า หรือเท่า ๆ กันก็ได้นะคะ

 

                ในกรณีของ “แอนนี” และ “แอนนี่ ลินน์” แม้จะเป็นยาที่ผลิตภายในประเทศเหมือนกัน แต่ใช้โปรเจสตินต่างชนิดกัน จึงถือว่ามีจุดเด่นทั้งคู่ โดย “แอนนี” เด่นในเรื่องการรักษาสิว ส่วน “แอนนี่ ลินน์” เด่นในเรื่องผลข้างเคียงต่ำ

                 ราคาของยาคุม 2 ยี่ห้อนี้ไม่ต่างกันมาก โดย “แอนนี” มีราคาประมาณ 80 – 100 บาท ส่วน “แอนนี่ ลินน์” (รวมถึง “แอนนี่ ลินน์ 28”) มีราคาประมาณ 110 – 130 บาทค่ะ