สำหรับผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมนใด ๆ อยู่1, 2 เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ ก็ควรรอให้ประจำเดือนมาก่อน แล้วจึงเริ่มใช้ยาคุม “ซีราเซท” (Cerazette) แผงแรกนะคะ
โดยเริ่มรับประทานยาคุมเม็ดแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน (นับวันที่ประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1) ยาคุมก็จะมีผลยับยั้งการตกไข่ในรอบเดือนนั้นเลย จึงถือว่ามีผลคุมกำเนิดทันทีที่เริ่มใช้
แต่ถ้าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ เช่น…
- นับจากวันแรกที่ประจำเดือนมาในรอบล่าสุด มาจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เลย
- หรือ ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ โดยใช้อย่างถูกวิธี และตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน แล้วได้ผลตรวจเป็นลบ
ก็สามารถเริ่มใช้ “ซีราเซท” แผงแรกโดยไม่รอให้ประจำเดือนมาก่อนได้ค่ะ แต่จะต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วย ไปจนกว่าจะรับประทานยาคุมแผงนี้ติดต่อกันครบ 2 วัน (นั่นคือ นับไปอีก 48 ชั่วโมงจากเวลาที่เริ่มใช้)
สำหรับการใช้หลังแท้งบุตร สามารถเริ่มรับประทาน “ซีราเซท” ได้ทันที และถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลย1, 2
หากไม่ได้เริ่มใช้ภายใน 5 วันหลังยุติการตั้งครรภ์ แต่ไม่ต้องการรอให้ประจำเดือนมาก่อน ก็สามารถเริ่มใช้ “ซีราเซท” ได้ถ้ายังไม่มีเพศสัมพันธ์หลังแท้งบุตร แต่ต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วย จนกว่าจะรับประทานยาคุมแผงแรกติดต่อกันครบ 2 วัน (นั่นคือ นับไปอีก 48 ชั่วโมงจากเวลาที่เริ่มใช้) 2
สำหรับหญิงหลังคลอดที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่1 สามารถเริ่มใช้ “ซีราเซท” ได้เลยหลังคลอดบุตร หรือจะรอใช้ภายหลังก็ได้นะคะ โดยมีข้อควรพิจารณาดังนี้ค่ะ
- แรกคลอด ไปจนถึง น้อยกว่า 6 สัปดาห์หลังคลอด
ถ้าเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว โดยให้ลูกดูดนมจากเต้าอย่างสม่ำเสมอทุก 2 – 3 ชั่วโมง (ไม่เว้นช่วงนานเกิน 4 ชั่วโมงในเวลากลางวัน หรือเกิน 6 ชั่วโมงในเวลากลางคืน) จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ทันทีที่เริ่มใช้ยาคุม
- คลอดบุตรมาแล้ว ตั้งแต่ 6 สัปดาห์เป็นต้นไป
2.1 ถ้ามีคุณสมบัติครบ 3 ข้อ ได้แก่ 1. ยังไม่มีประจำเดือนมา, 2. เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว โดยให้ลูกดูดนมจากเต้าอย่างสม่ำเสมอทุก 2 – 3 ชั่วโมง (ไม่เว้นช่วงนานเกิน 4 ชั่วโมงในเวลากลางวัน หรือเกิน 6 ชั่วโมงในเวลากลางคืน) และ 3. ยังอยู่ในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด
สามารถเริ่มใช้ “ซีราเซท” ได้ทันทีที่ต้องการ และถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน
2.2 แต่ถ้าไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว หรือไม่ได้ให้ลูกดูดนมจากเต้าทุก 2 – 3 ชั่วโมง หรือคลอดมานานเกิน 6 เดือนไปแล้ว แม้เพียงข้อใดข้อหนึ่ง ควรมั่นใจก่อนว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์อยู่เมื่อเริ่มใช้ยาคุมแผงแรกนะคะ เช่น ยังไม่มีเพศสัมพันธ์เลยหลังคลอดบุตร
ถ้าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ ก็สามารถเริ่มใช้ “ซีราเซท” ได้ทันทีที่ต้องการ แต่จะต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วย ไปจนกว่าจะรับประทานยาคุมแผงแรกติดต่อกันครบ 2 วัน (นั่นคือ นับไปอีก 48 ชั่วโมงจากเวลาที่เริ่มใช้)
2.3 สตรีให้นมบุตรที่มีประจำเดือนมาแล้ว ถือว่ามีไข่ตกและมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ตามปกติ การเริ่มยาคุมแผงแรกจึงใช้หลักเกณฑ์เดียวกับ “ผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมนใด ๆ อยู่” ค่ะ
สำหรับหญิงหลังคลอดที่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หากเริ่มใช้ “ซีราเซท” ทันทีที่คลอดบุตร หรือหลังคลอดไม่เกิน 20 วัน ให้ถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ทันทีที่เริ่มใช้นะคะ1
แต่ถ้าคลอดบุตรมานานตั้งแต่ 21 วันขึ้นไป ควรเริ่มยาคุมแผงแรกเมื่อมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์อยู่ เช่น รอใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ซึ่งจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยเช่นกัน1
หรือถ้าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ เช่น ยังไม่มีเพศสัมพันธ์เลยหลังคลอดบุตร ก็สามารถเริ่มใช้ “ซีราเซท” ได้ทันทีที่ต้องการ แต่จะต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วย ไปจนกว่าจะรับประทานยาคุมแผงแรกติดต่อกันครบ 2 วัน (นั่นคือ นับไปอีก 48 ชั่วโมงจากเวลาที่เริ่มใช้)1, 2
สำหรับการเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด เพื่อให้มีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องกัน และไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีป้องกันอื่น ๆ เพิ่มเติม มีข้อแนะนำดังนี้ค่ะ
- ผู้ที่รับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม2
หากเริ่มใช้ยาคุมแผงเดิมอย่างถูกต้อง และรับประทาน “เม็ดยาฮอร์โมน” ต่อเนื่องกันมาไม่น้อยกว่า 7 วันแล้ว สามารถเปลี่ยนไปใช้ “ซีราเซท” แทนได้เลย โดยไม่จำเป็นจะต้องรอให้ “เม็ดยาฮอร์โมน” ในแผงเดิมหมดก่อนนะคะ
หรือรับประทาน “เม็ดยาฮอร์โมน” ในแผงเดิมต่อไปจนหมด จากนั้นจึงเริ่มใช้ “ซีราเซท” ในวันถัดมา (โดยไม่ต้องรับประทาน “เม็ดยาหลอก” ถ้าใช้ยาคุมแบบ 28 เม็ด หรือไม่ต้องเว้นว่าง 7 วันถ้าใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ด)
- ผู้ที่รับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวยี่ห้ออื่น ๆ
ผู้ที่รับประทานยาคุม “เอ็กซ์ลูตอน” หรือ “เดลิต้อน” สามารถเปลี่ยนไปใช้ “ซีราเซท” ได้เลยค่ะ หรือรอจนใช้แผงเดิมหมดแล้วจึงต่อด้วย “ซีราเซท” ในวันถัดมา1, 2
ส่วนผู้ที่รับประทานยาคุม “สลินดา” หลังจากที่ใช้ “เม็ดยาฮอร์โมน” ในแผงเดิมครบ 24 เม็ดแล้ว ก็ให้เริ่มรับประทาน “ซีราเซท” ในวันถัดมา หรือจะเปลี่ยนไปใช้ “ซีราเซท” โดยไม่รอให้ “เม็ดยาฮอร์โมน” ในแผงเดิมหมดก่อนก็ได้เช่นกัน1
- ผู้ที่ใช้วงแหวนคุมกำเนิด (ซึ่งปัจจุบัน ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว) หรือใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด2
ให้เริ่มรับประทาน “ซีราเซท” ในวันที่ถอดวงแหวนคุมกำเนิดหรือดึงแผ่นแปะคุมกำเนิดออกตามกำหนด (หรือจะเปลี่ยนก่อนถึงกำหนดก็ได้ หากรอบเดือนนี้มีการใช้วงแหวนหรือแผ่นแปะมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 วัน)
- ผู้ที่ฝังยาคุมกำเนิด2
ให้ถอดยาฝังคุมกำเนิดออกตามกำหนด (หรือก่อนกำหนดก็ได้) และเริ่มรับประทาน “ซีราเซท” ในวันที่ถอดยาฝังคุมกำเนิดออก
- ผู้ที่ใส่ห่วงอนามัยชนิดเคลือบฮอร์โมน2
ให้ถอดห่วงอนามัยออกตามกำหนด (หรือก่อนกำหนดก็ได้) โดยหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ภายใน 7 วันก่อนถอด และรับประทาน “ซีราเซท” ให้ครบ 2 วันก่อนถอดห่วงอนามัยออก
ถ้าไม่ได้ใช้ “ซีราเซท” ก่อนถอดห่วงอนามัยตามที่แนะนำไปข้างต้น ควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วย ไปอีก 48 ชั่วโมงนับจากเวลาที่เริ่มรับประทานยาคุม
- ผู้ที่ใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง1, 2
ให้ถอดห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน และเริ่มรับประทาน “ซีราเซท” ในวันเดียวกัน
- ผู้ที่ฉีดยาคุมกำเนิดแบบรายเดือน (ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม) 1
ให้เริ่มรับประทาน “ซีราเซท” ในวันที่ครบกำหนดฉีดยาคุมเข็มต่อไป
- ผู้ที่ฉีดยาคุมกำเนิดแบบราย 3 เดือน (ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว)
ให้เริ่มรับประทาน “ซีราเซท” ในวันที่ครบกำหนดฉีดยาคุมเข็มต่อไป1 หรืออย่างช้า ไม่เกิน 14 สัปดาห์นับจากวันที่ฉีดยาคุมเข็มสุดท้าย2
เอกสารอ้างอิง
- Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use, 3rd edition. Geneva: World Health Organization; 2016.
- Progestogen-only Pills. Faculty of Sexual & Reproductive Healthcare; updated 2019.