“ไมนอซ” (Minoz) เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 28 เม็ด สูตร 24/4 นั่นคือ จะมี “เม็ดยาฮอร์โมน” 24 เม็ด และมี “เม็ดยาหลอก” 4 เม็ด
โดย “เม็ดยาฮอร์โมน” (เม็ดสีเหลือง) แต่ละเม็ดมีฮอร์โมนเอสโตรเจน Ethinyl estradiol อยู่ 0.015 มิลลิกรัม รวมกับฮอร์โมนโปรเจสติน Gestodene อีก 0.060 มิลลิกรัม
ส่วน “เม็ดยาหลอก” (เม็ดสีเขียว) เป็นเพียงเม็ดแป้ง ไม่มีตัวยาสำคัญใด ๆ ค่ะ
การที่มีปริมาณฮอร์โมนต่ำที่สุด และมีช่วงปลอดฮอร์โมนสั้น ถือเป็นจุดเด่นของ “ไมนอซ” ซึ่งมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีประจำเดือนมามากผิดปกติ, ผู้ที่เกิดกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual syndrome; PMS) รวมถึงผู้ที่ไม่สามารถทนผลข้างเคียงจากยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมสูตรอื่น
และสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดดังกล่าว ในกรณีที่หาซื้อ “ไมนอซ” มาใช้ต่อไม่ได้ สามารถใช้ “มินิดอซ” (Minidoz) แทนได้นะคะ
แต่ “มินิดอซ” เป็นยานำเข้าจากต่างประเทศ มีราคาแผงละ 170 – 200 บาท ซึ่งแพงกว่า “ไมนอซ” ที่เป็นยาผลิตภายในประเทศค่ะ
“ไมนอซ” และ “มินิดอซ” จัดเรียงเม็ดยาในแผงต่างกัน โดย 3 แถวบนของ “ไมนอซ” จะมี “เม็ดยาฮอร์โมน” อยู่แถวละ 8 เม็ด ส่วนแถวล่างสุดมีเพียง “เม็ดยาหลอก” จำนวน 4 เม็ดเท่านั้น
ในขณะที่ “มินิดอซ” จะเรียงเม็ดยาเป็น 4 แถว แถวละ 7 เม็ดเท่ากัน เม็ดยาในแถวล่างสุดจึงมีทั้ง “เม็ดยาฮอร์โมน” และ “เม็ดยาหลอก” อยู่รวมกัน
“ไมนอซ” โฉมเก่า |
“ไมนอซ” โฉมใหม่ |
“มินิดอซ” โฉมเก่า |
“มินิดอซ” โฉมใหม่ |
“มินิดอซ” โฉมเดิม ใช้สีของเม็ดยาที่ตรงกันกับ “ไมนอซ” นั่นคือ “เม็ดยาฮอร์โมน” มีสีเหลืองเข้ม และ “เม็ดยาหลอก” มีสีเขียว ช่วยให้เข้าใจได้ง่ายหากต้องเปลี่ยนจากยี่ห้อหนึ่งไปใช้อีกยี่ห้อหนึ่ง
แต่สำหรับ “มินิดอซ” โฉมใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงสีของเม็ดยาให้ต่างไปจากเดิม โดยใช้ “เม็ดยาฮอร์โมน” เป็นสีเหลืองอ่อน และใช้ “เม็ดยาหลอก” เป็นสีขาวนะคะ
แม้สีของเม็ดยาจะต่างกันไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวยาสำคัญก็ยังคงเหมือนกันนั่นเอง
“มินิดอซ” โฉมใหม่ และ “ไมนอซ” จะระบุตัวเลขลำดับการใช้ 1 – 28 ไว้ที่ด้านหลังของแผงยา โดยให้เริ่มรับประทานจากเม็ดยาหมายเลข 1 แล้วใช้เรียงตามลำดับวันละเม็ด ไปจนถึงเม็ดยาลำดับที่ 28
อย่างไรก็ตาม “มินิดอซ” จะแถมแถบสติกเกอร์ที่ระบุ “ตัวย่อของวันในสัปดาห์” มาให้ใช้ร่วมด้วย ดังนั้น แม้จะต้องจ่ายมากกว่า แต่ผู้ใช้ก็สามารถตรวจสอบประจำวันได้ง่ายขึ้นนะคะ
อ่านเพิ่มเติม วิธีรับประทานยาคุม “มินิดอซ”
…(((ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด 21 มิถุนายน 2565)))….