ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อไหนดี

                ยาคุมฉุกเฉินที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์แตกต่างกันหรือไม่ หากจำเป็นต้องใช้ ควรจะเลือกยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อไหนดี

 

                การคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบัน ก็คือ การคุมกำเนิดฉุกเฉินด้วยการใส่ห่วงอนามัยทองแดง (Copper Intrauterine Device; Cu-IUD) ค่ะ

                โดยให้สูตินรีแพทย์ใส่ห่วงอนามัยทองแดงภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน (หรือภายใน 5 วันหลังไข่ตก หากสามารถประมาณเวลาที่มีการตกไข่ได้)

                ซึ่งนอกจากจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงมาก นั่นคือมีอัตราการตั้งครรภ์ไม่ถึง 1 ใน 100 แล้ว ก็ยังให้ผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้นานหลายปี จึงสามารถใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดกึ่งถาวรต่อได้เลย

 

                หรือหากไม่สะดวกที่จะใช้ห่วงอนามัยทองแดง ซึ่งต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการให้ ก็อาจพิจารณาการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งแม้จะมีประสิทธิภาพต่ำกว่า อีกทั้งไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง แต่ก็หาซื้อได้ง่าย และสามารถใช้ได้ด้วยตนเอง

                ซึ่งหากแบ่งชนิดของยาฉุกเฉินตามตัวยาสำคัญ ยาคุมฉุกเฉินแต่ละชนิดก็จะมีประสิทธิภาพแตกต่างกันไป รวมถึงมีผลข้างเคียงและข้อควรระวังที่ต่างกันค่ะ

                อย่างไรก็ตาม ยาคุมฉุกเฉินที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใด หรือรูปแบบใด ก็ล้วนเป็นชนิดเดียวกัน นั่นคือ ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (Levonorgestrel Emergency Contraception; LNG-EC)

 

                โดยยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด เช่น เมเปิ้ล ฟอร์ท (Maple forte), แทนซี วัน (Tansy one), มาดอนน่า วัน (Madonna one), รีโวค-1.5 (Revoke-1.5) และ โพสต์ 1 ฟอร์ต (Post 1 forte) จะมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลเม็ดละ 1.5 มิลลิกรัม

                ส่วนยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด เช่น โพสตินอร์ (Postinor), มาดอนน่า (Madonna), แมรี่ พิงค์ (Mary pink), แอปคาร์ นอร์แพก (ABCA Norpak), เลดี้นอร์ (Ladynore), แจนนี่ (Janny) และ เอ-โพสน็อกซ์ (A-Posnox) จะมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลอยู่เม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม เมื่อรวมกัน 2 เม็ดจึงเท่ากับ 1.5 มิลลิกรัม

                จะเห็นได้ว่า ทุก ๆ ยี่ห้อมีลีโวนอร์เจสเทรลเป็นตัวยาสำคัญ โดยมีปริมาณรวมทั้งแผงเท่ากับ 1.5 มิลลิกรัม

 

                ซึ่งวิธีการใช้ในปัจจุบัน หลายแนวทางแนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล แบบครบขนาด 1.5 มิลลิกรัมในครั้งเดียวนะคะ (อ่านเพิ่มเติมได้จากบทความ ยาคุมฉุกเฉิน กินพร้อมกัน 2 เม็ดได้ไหม)

                โดยควรรับประทานทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ หรืออย่างช้า ไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์

                หากรับประทานครบขนาดภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ราว 85% แต่จะยิ่งลดต่ำลงอีกหากใช้ล่าช้าไปกว่านี้

 

                ดังนั้น หากยี่ห้อที่ใช้เป็นแบบ 2 เม็ด ก็ให้รับประทานทั้ง 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว ส่วนยี่ห้อที่เป็นแบบ 1 เม็ดอยู่แล้ว ก็ให้รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว

                หรือจะใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ดตามวิธีดั้งเดิม นั่นคือ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด รวม 2 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะให้ห่างกัน 12 ชั่วโมง ก็สามารถทำได้เช่นกัน

 

                เมื่อยาคุมฉุกเฉินแต่ละยี่ห้อที่มีจำหน่ายในประเทศไทย มีตัวยาสำคัญชนิดเดียวกัน, ปริมาณยารวมทั้งแผงเท่ากัน และสามารถรับประทานครบขนาดในครั้งเดียวได้เหมือนกัน ประสิทธิภาพจึงไม่แตกต่างกันค่ะ

                หากจำเป็นจะต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน จึงสามารถใช้ยี่ห้อใดก็ได้ ที่หาซื้อได้สะดวก หรือได้รับมาฟรีตามสิทธิ์การรักษา เนื่องจากทุก ๆ ยี่ห้อที่ผ่านการขึ้นทะเบียนรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดฉุกเฉินได้เหมือนกันนะคะ

 

                แต่สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักไว้ก็คือ ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูง และแม้จะรับประทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือเร็วแค่ไหนก็ตาม ก็อาจป้องกันการตั้งครรภ์ไม่ได้ หากใกล้ถึงเวลาที่ไข่จะตกมากเกินไป หรือมีไข่ตกมาแล้ว

                จึงไม่ควรนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ แต่ควรใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็น เช่น ถูกข่มขืน หรือเกิดความล้มเหลวจากวิธีคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ เช่น ถุงยางฉีกขาด, รับประทานยาคุมรายเดือนผิดหรือลืมใช้จนทำให้ไม่มีผลคุมต่อเนื่อง หรือลืมไปฉีดยาคุมตามนัด

                และหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันอีก โดยเฉพาะในรอบเดือนเดียวกัน อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์มากกว่าผู้ที่ไม่มี จึงควรป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมค่ะ

 

ตัวอย่างยาคุมฉุกเฉินที่มีจำหน่ายในประเทศไทย

ยี่ห้อ

รูปแบบ

การขึ้นทะเบียน

ราคา

วิธีรับประทานยาคุมโพสตินอร์

โพสตินอร์ (Postinor)

2 เม็ด

ยานำเข้าจากต่างประเทศ / แบ่งบรรจุในประเทศ

60 – 90 บาท

วิธีรับประทานยาคุมมาดอนน่า

มาดอนน่า (Madonna)

2 เม็ด

ยาที่ผลิตภายในประเทศ

50 – 70 บาท

วิธีรับประทานยาคุมแมรี่พิงค์

แมรี่ พิงค์ (Mary pink)

2 เม็ด

ยาที่ผลิตภายในประเทศ

40 – 50 บาท

วิธีรับประทานยาคุมแอปคาร์ นอร์แพก

แอปคาร์ นอร์แพก (ABCA Norpak)

2 เม็ด

ยานำเข้าจากต่างประเทศ

40 – 50 บาท

วิธีรับประทานยาคุมเลดี้นอร์

เลดี้นอร์ (Ladynore)

2 เม็ด

ยาที่ผลิตภายในประเทศ

40 – 50 บาท

วิธีรับประทานยาคุมแจนนี่

แจนนี่ (Janny)

2 เม็ด

ยาที่ผลิตภายในประเทศ

40 – 50 บาท

เอ-โพสน็อกซ์

เอ-โพสน็อกซ์ (A-Posnox)

2 เม็ด

ยาที่ผลิตภายในประเทศ

50 – 70 บาท

โพสต์ 1 ฟอร์ต

โพสต์ 1 ฟอร์ต

1 เม็ด

ยาที่ผลิตภายในประเทศ

40 – 50 บาท

วิธีรับประทานยาคุมเมเปิ้ลฟอร์ท

เมเปิ้ล ฟอร์ท (Maple forte)

1 เม็ด

ยาที่ผลิตภายในประเทศ

50 – 70 บาท

มาดอนน่า วัน

มาดอนน่า วัน (Madonna one)

1 เม็ด

ยาที่ผลิตภายในประเทศ

50 – 70 บาท

วิธีรับประทานยาคุมแทนซีวัน

แทนซี วัน (Tansy one)

1 เม็ด

ยานำเข้าจากต่างประเทศ

60 – 90 บาท

รีโวค-1.5

รีโวค-1.5 (Revoke-1.5)

1 เม็ด

ยานำเข้าจากต่างประเทศ

50 – 70 บาท

 

 

 

เอกสารอ้างอิง

  1. Faculty for Sexual and Reproductive Health (FSRH) guideline: Emergency contraception. March 2017 (Amended December 2020).
  2. Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use, 3rd edition. World Health Organization, 2016.
  3. U.S. Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use. Centers for Disease Control and Prevention, 2016.