วิธีรับประทานยาคุม “มาโนแอน” (Manoane)

วิธีรับประทานยาคุมมาโนแอน

                เม็ดยาทั้ง 21 เม็ดของยาคุม “มาโนแอน” ประกอบด้วยตัวยาฮอร์โมน Ethinyl estradiol 0.035 มิลลิกรัม และ Cyproterone acetate 2 มิลลิกรัม เหมือนกันทุกเม็ด

                ดังนั้น ไม่ว่าจะใช้ตามลำดับหรือย้อนศร และไม่ว่าจะแกะเม็ดใดมาใช้ก่อนหรือหลัง ก็ไม่แตกต่างกันนะคะ

                อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ง่ายสำหรับผู้ใช้ที่จะสามารถตรวจสอบประจำวันได้ แนะนำให้แกะเม็ดยาที่ระบุ “ตัวย่อของวันในในสัปดาห์” มาใช้ให้ตรงกับวันที่รับประทานจริง

                เช่น ถ้าเริ่มรับประทานยาคุมในวันพุธ ก็ให้แกะเม็ดยาที่ระบุตัวย่อว่า “พ” ในแถวแรกมาใช้ก่อนค่ะ (ตามภาพตัวอย่าง)

 

                จากนั้นก็ให้ใช้เรียงตามลำดับดังกล่าวไปเรื่อย ๆ ซึ่งผู้ใช้ควรตรวจสอบ “ตัวย่อของวันในสัปดาห์” ที่ระบุไว้ในแผงทุกครั้งก่อนที่จะแกะยามาใช้ และควรรับประทานทันทีที่แกะเม็ดยาออกมาจากแผง เพื่อให้ไม่เกิดความสับสนซึ่งอาจเสี่ยงต่อการรับประทานซ้ำซ้อนเกินขนาด และเพื่อให้แก้ไขได้เร็วหากลืมรับประทานยา

                เมื่อรับประทานยาเม็ดสุดท้ายในแถวที่สามไปแล้ว ก็ให้ย้อนขึ้นมารับประทานเม็ดยาที่เหลือตกค้างในแถวแรกต่ออีก จนกว่าจะครบทั้งแผงนะคะ

 

                เมื่อรับประทานยาคุม “มาโนแอน” จนครบทั้ง 21 เม็ดแล้ว ก็ให้เว้นว่าง 7 วันเป็นช่วงปลอดฮอร์โมนให้ประจำเดือนมา

                ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเริ่มรับประทานเม็ดแรกของแผงตรงกับวันพุธ วันที่รับประทานเม็ดสุดท้ายของแผงก็จะตรงกับวันวันอังคาร จึงให้เว้นว่างต่อในวันพุธ – พฤหัสบดี – ศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ – จันทร์ – อังคาร

                เว้นว่างครบ 7 วันแล้วก็ต่อยาคุมแผงใหม่ในวันพุธเหมือนเดิมค่ะ

 

                ประจำเดือนควรจะมาในช่วงที่เว้นว่างดังกล่าว โดยมักจะมาประมาณวันที่ 3 หรือ 4 ของการเว้นว่าง แต่ก็อาจคลาดเคลื่อนจากนั้นเล็กน้อยได้เช่นกันนะคะ

                เมื่อมีประจำเดือนมาก็ถือว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ เว้นว่างครบ 7 วันแล้วก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ในวันที่ 8 ของการเว้นว่างได้เลย เพื่อให้มีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องกันทุกวัน

                ไม่จำเป็นจะต้องรีบต่อยาคุมแผงใหม่ในวันแรกที่ประจำเดือนมาค่ะ เพราะการต่อยาคุมแผงใหม่ก่อนกำหนดไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ให้มากขึ้น แต่จะทำให้รอบประจำเดือนสั้นกว่าปกติ นั่นคือ แทนที่จะมีประจำเดือนมาทุก 28 วันโดยประมาณ ก็อาจมีประจำเดือนมาทุก 23 – 24 วันแทน ซึ่งจะทำให้เสียเลือดบ่อยครั้งกว่าที่ควรจะเป็น รวมถึงสิ้นเปลืองค่ายาคุมมากกว่า เมื่อพิจารณาในระยะยาว

                แต่ก็ไม่ควรรอจนกว่าประจำเดือนจะหายดีจึงค่อยต่อยาคุมแผงใหม่นะคะ เพราะถ้ามีประจำเดือนนานหลายวันก็อาจทำให้มีช่วงปลอดฮอร์โมนนานเกินไป และไม่มีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องกัน จึงเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันในช่วงที่ไม่มีผลคุมกำเนิดจากยานั่นเองค่ะ