ยาคุมรายเดือนที่มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว (Progestin-only pills หรือ Minipill) อาจมีภาพจำว่าเป็น “ยาคุมสำหรับหญิงให้นมบุตร” เนื่องจากไม่กดการสร้างน้ำนม จึงถูกแนะนำให้กับหญิงหลังคลอดที่ต้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หากต้องการใช้ยาคุมรายเดือน
ในปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าสามารถใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมประเภทฮอร์โมนต่ำ (หรือต่ำมาก) ในหญิงที่ให้นมบุตรได้นะคะ เพราะพบว่ายาคุมที่มีปริมาณเอสโตรเจน Ethinyl estradiol ไม่เกิน 0.035 มิลลิกรัม ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำนม, ปริมาณน้ำนม และระยะเวลาการให้นม แต่ควรรอให้ผ่าน 6 สัปดาห์หลังคลอดไปก่อนจึงค่อยเริ่มใช้ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (Venous thromboembolism)
แม้ว่ายังไม่พบผลอันไม่พึงประสงค์ต่อทารก แต่จนกว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าน้ำนมแม่ที่ใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมไม่ทำให้เกิดผลกระทบในระยะยาวอย่างแน่นอน ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวก็ยังถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับหญิงให้นมบุตรค่ะ โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอดซึ่งแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว
ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว เป็นยาคุมที่มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสติน ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนรวมอยู่ด้วย ผู้ใช้จึงไม่ต้องกังวลกับปัญหาการบวมน้ำหรือการเกิดฝ้าจากยาคุม
แม้ว่าอาจพบอาการคลื่นไส้, อาเจียน หรือปวดศีรษะได้บ้าง แต่ก็ไม่รุนแรงเท่ากับยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม
ดังนั้น หญิงที่ไม่ได้อยู่ในระหว่างให้นมบุตร ก็สามารถใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากมีข้อจำกัดในการใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม หรือทนผลข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่ได้
ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน มีดังนี้
เอ็กซ์ลูตอน (Exluton) |
เดลิต้อน (Dailyton) |
ซีราเซท (Cerazette) |
สลินดา (Slinda) |
ตัวยาสำคัญ : Lynestrenol 0.5 มิลลิกรัม เหมือนกันทั้ง 28 เม็ด |
ตัวยาสำคัญ : Desogestrel 0.075 มิลลิกรัม เหมือนกันทั้ง 28 เม็ด |
ตัวยาสำคัญ : Drospirenone 4 มิลลิกรัม จำนวน 24 เม็ด และมีเม็ดยาหลอกอีก 4 เม็ด |
|
คุณสมบัติ : 1. โปรเจสตินรุ่นที่ 1 2. ยับยั้งไข่ตกได้ไม่ดีนัก กลไกหลักจึงเป็นการทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียว และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อ 3. มีฤทธิ์แอนโดรเจนสูง จึงอาจมีสิว หน้ามัน หรือขนดก |
คุณสมบัติ : 1. โปรเจสตินรุ่นที่ 3 2. ยับยั้งไข่ตกได้ดีใกล้เคียงกับยาคุมฮอร์โมนรวม 3. มีฤทธิ์แอนโดรเจนต่ำ จึงไม่ค่อยพบสิว หน้ามัน หรือขนดก |
คุณสมบัติ : 1. โปรเจสตินรุ่นที่ 4 2. ยับยั้งไข่ตกได้ดีใกล้เคียงกับยาคุมฮอร์โมนรวม 3. ต้านฤทธิ์แอนโดรเจน จึงช่วยลดสิว หน้ามัน หรือขนดก 4. มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ จึงไม่ทำให้บวมน้ำ |
|
ข้อควรระวัง : รับประทานช้าได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง |
ข้อควรระวัง : รับประทานช้าได้ไม่เกิน 12 ชั่วโมง |
ข้อควรระวัง : รับประทานช้าได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง |
|
รูปแบบการใช้ : ระบุ “ตัวย่อของวันในสัปดาห์” วนตามเข็มนาฬิกา ใช้ครบ 28 เม็ดแล้ว ให้ต่อแผงใหม่ในวันถัดมา |
รูปแบบการใช้ : ระบุ “ตัวเลขลำดับการใช้” 1 – 28 ไว้ด้านหนึ่ง และอีกด้าน มีลูกศรชี้ทิศทาง ให้ใช้ร่วมกับสติกเกอร์ที่ระบุ “ตัวย่อของวันในสัปดาห์” ใช้ครบ 28 เม็ดแล้ว ให้ต่อแผงใหม่ในวันถัดมา |
||
การขึ้นทะเบียนยา : ยานำเข้าจากต่างประเทศ |
การขึ้นทะเบียนยา : ยาที่ผลิตภายในประเทศ |
การขึ้นทะเบียนยา : ยานำเข้าจากต่างประเทศ |
|
ราคา : 110 – 140 บาท |
ราคา : 90 – 120 บาท |
ราคา : 220 – 250 บาท |
ราคา : 290 – 330 บาท |
การมีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือน ถือเป็นผลข้างเคียงเด่นของยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวนะคะ แม้ว่าจะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ (ยกเว้นในกรณีที่มีเลือดออกมามากหรือนานเกินไป) แต่ก็มักจะสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้ ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากนัก เมื่อเทียบกับยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม
แต่ยาคุมตัวใหม่อย่าง “สลินดา” ปรับรูปแบบให้มีช่วงปลอดฮอร์โมน เช่นเดียวกับการใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม โดยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบปกติในช่วงที่รับประทานเม็ดยาหลอก
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ “สลินดา” ยังอาจพบปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนได้เช่นกัน แต่น้อยกว่ายาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวตัวอื่น ๆ ค่ะ
Lynestrenol เป็นโปรเจสตินรุ่นที่ 1 ซึ่งมีฤทธิ์แอนโดรเจนสูง ในขณะที่ Desogestrel เป็นโปรเจสตินรุ่นที่ 3 มีฤทธิ์แอนโดรเจนลดลงแล้ว ดังนั้น การใช้ “เอ็กซ์ลูตอน” หรือ “เดลิต้อน” จึงอาจพบปัญหาสิว, หน้ามัน หรือขนดกได้มากกว่า “ซีราเซท” นะคะ
และเนื่องจาก Drospirenone มีผลต้านฤทธิ์แอนโดรเจน จึงน่าจะช่วยลดสิว, หน้ามัน หรือขนดกได้ แต่ข้อมูลจากบริษัทชี้ว่า มีผู้ใช้ 3.8% เกิดสิวหลังรับประทาน “สลินดา” ค่ะ
ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวที่มีตัวยา Lynestrenol และ Desogestrel ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด จึงสามารถใช้ “เอ็กซ์ลูตอน”, “เดลิต้อน” และ “ซีราเซท” ได้ทันทีหลังคลอด หรือใช้ในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดได้
แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่ายาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวที่มีตัวยา Drospirenone จะเพิ่มความเสี่ยงดังกล่าวหรือไม่ ดังนั้น การใช้ “สลินดา” ในหญิงที่ให้นมบุตร แนะนำให้เริ่มใช้หลังคลอดตั้งแต่ 21 วันขึ้นไป
และผู้ที่มีโรคประจำตัว, ผู้ที่มีความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน หรือผู้ที่กำลังใช้ยา/สมุนไพรใด ๆ อยู่ ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมในการใช้ “สลินดา”
ผลในการยับยั้งไข่ตกของ Desogestrel และ Drospirenone สูงกว่า Lynestrenol มาก ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดและลดอาการปวดท้องประจำเดือนของ “ซีราเซท” และ “สลินดา” จึงเหนือกว่า “เอ็กซ์ลูตอน” และ “เดลิต้อน”
อย่างไรก็ตาม นอกจากการยับยั้งไข่ตก ยาคุมก็ยังมีกลไกอื่น ๆ ที่ช่วยในการป้องกันการตั้งครรภ์ เช่น ทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนผ่านของอสุจิ หรือทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางฝ่อ ไม่พร้อมรับการฝังตัวของไข่ที่ผสมกับอสุจิ
ดังนั้น หากรับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ การใช้ “เอ็กซ์ลูตอน” และ “เดลิต้อน” ก็ยังเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพดี อีกทั้งยังมีราคาย่อมเยา
แต่การรับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ไม่เหมาะกับคนขี้ลืมนะคะ เพราะถ้ารับประทานไม่ตรงเวลาก็อาจทำให้ผลคุมกำเนิดไม่ต่อเนื่อง และเสี่ยงที่จะล้มเหลวในการป้องกันการตั้งครรภ์
โดยยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวรุ่นดั้งเดิม อย่าง “เอ็กซ์ลูตอน” และ “เดลิต้อน” จะไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหากรับประทานช้ากว่าเวลาที่กำหนดเกินกว่า 3 ชั่วโมง
ส่วนยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวรุ่นใหม่ ๆ นั้น มีการออกฤทธิ์ที่นานขึ้น จึงมีความยืดหยุ่นในการรับประทานผิดเวลาได้มากกว่า นั่นคือ ไม่เกิน 12 ชั่วโมงสำหรับ “ซีราเซท” และไม่เกิน 24 ชั่วโมงสำหรับ “สลินดา” ค่ะ
…ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด 1 ธันวาคม 2564…