สำหรับยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 28 เม็ด ยี่ห้อ “ออนเจล 20” (Onjel 20) เม็ดยาสีขาว 21 เม็ดแรกของแผง คือ เม็ดยาฮอร์โมน ซึ่งมีตัวยาฮอร์โมนเอสโตรเจน Ethinyl estradiol อยู่เม็ดละ 0.020 มิลลิกรัม รวมกับฮอร์โมนโปรเจสติน Gestodene อีกเม็ดละ 0.075 มิลลิกรัม
ส่วนเม็ดยาสีน้ำตาล 7 เม็ดสุดท้าย ก็คือ เม็ดยาหลอก หรืออาจเรียกว่าเม็ดแป้ง เนื่องจากไม่ได้มีตัวยาสำคัญใด ๆ
ในแผงของ “ออนเจล 20 ” จะเรียงลำดับการใช้ตามตัวเลข 1 – 28 โดยให้เริ่มรับประทานจากหมายเลข 1 แล้วใช้ต่อตามลำดับ วันละเม็ด ไปเรื่อย ๆ จนถึงหมายเลข 28
ผู้ใช้จึงได้รับฮอร์โมนติดต่อกันในช่วง 21 วันแรก และมีช่วงปลอดฮอร์โมน ใน 7 วันสุดท้ายของแผง
การรับประทาน “ออนเจล 20” ย้อนศร หรือใช้เม็ดยาผิดตำแหน่ง หากเป็นกรณีที่เม็ดยาหลอกถูกนำมาใช้แทนเม็ดยาฮอร์โมน (ใช้เม็ดสีน้ำตาลแทนเม็ดสีขาว) จะลดประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด จึงต้องแก้ไขด้วยการรับประทานเม็ดยาฮอร์โมน (เม็ดสีขาว) ทดแทนที่ขาดไป ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ถ้าใช้เม็ดยาฮอร์โมนสลับตำแหน่งกันเอง หรือใช้เม็ดยาหลอกสลับกันเอง (ใช้เม็ดสีขาวแทนเม็ดสีขาว หรือใช้เม็ดสีน้ำตาลแทนเม็ดสีน้ำตาล) ก็ไม่มีปัญหา เพราะประสิทธิภาพไม่ต่างไปจากเดิม จึงไม่ต้องแกะเม็ดยาในตำแหน่งที่ถูกต้องมารับประทานซ้ำอีก
- ตัวอย่างที่ 1 : ใช้เม็ดยาหลอกแทนเม็ดยาฮอร์โมน
ถ้าเผลอรับประทานย้อนศร โดยใช้ “เม็ดที่ 28” (เม็ดสีน้ำตาล ซึ่งเป็นเม็ดยาหลอก) แทน “เม็ดที่ 1” (เม็ดสีขาว ซึ่งเป็นเม็ดยาฮอร์โมน) จะทำให้ไม่ได้รับฮอร์โมนในช่วงเวลาที่ควรได้รับ ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด
จึงควรแก้ไขด้วยการรับประทานเม็ดที่ถูกต้องทันที หรือเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เช่น ถ้ารู้ตัวก่อนที่จะถึงเวลารับประทานยาคุมเม็ดถัดไป ก็ให้แกะ “เม็ดที่ 1” มารับประทานในตอนนั้นเลย แล้วรอรับประทาน “เม็ดที่ 2” ตามเวลาปกติ
หรือถ้ารู้ตัวเมื่อถึงเวลารับประทานยาคุม “เม็ดที่ 2” แล้ว ให้แกะทั้ง “เม็ดที่ 1” และ “เม็ดที่ 2” มารับประทานพร้อมกัน แต่อาจทำให้คลื่นไส้/อาเจียน ปวดหรือเวียนศีรษะมากขึ้น
หลังจากนั้น ก็รับประทานต่อวันละเม็ดตามลำดับไปเรื่อย ๆ
เมื่อถึงวันที่จะต้องใช้ “เม็ดที่ 28” แต่ไม่มีเม็ดยาอยู่ในแผง ก็เว้นว่างในวันนี้ไปเลย แล้วรอเริ่มแผงใหม่ในวันถัดมา
การแก้ไขตามคำแนะนำข้างต้น จะทำให้การใช้ยาคุมแผงนี้มีช่วงปลอดฮอร์โมนครบ 7 วันเหมือนเดิม และเมื่อต่อยาคุมแผงใหม่ตรงตามกำหนดก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องตามปกติ
อีกทั้งวันที่เริ่มใช้เม็ดแรกของแผงใหม่ ก็จะตรงกับวันเดียวกันกับแผงเดิม ๆ เช่น ถ้าเคยใช้เม็ดแรกของแผงในวันพุธ ก็จะได้เริ่มเม็ดแรกของแผงใหม่ตรงกับวันพุธนั่นเอง
แต่ถ้ากลัวจะสับสนหากต้องเว้นว่างดังกล่าว หลังใช้เม็ดที่ 27 ไปแล้ว และไม่มีเม็ดที่ 28 อยู่ในแผงให้ใช้อีก ก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ได้เลยนะคะ เพราะแม้จะมีช่วงปลอดฮอร์โมนไม่ครบ 7 วัน ก็ถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องเช่นกัน
เพียงแต่วันที่เริ่มใช้ยาคุมเม็ดแรกของแผงนี้และแผงต่อ ๆ ไป จะเลื่อนเร็วขึ้นมา 1 วัน เช่น ถ้าเคยใช้เม็ดแรกของแผงในวันพุธ หากแผงล่าสุดใช้ไปเพียง 27 วัน (เพราะมีวันหนึ่งที่รับประทาน 2 เม็ด และไม่ได้เว้นว่างทดแทนเม็ดยาหลอกที่หายไป) ก็จะทำให้วันที่รับประทานเม็ดแรกของแผงใหม่ตรงกับวันอังคารค่ะ
ในกรณีที่เป็นการใช้ต่อเนื่อง โดยต่อยาคุมแผงนี้ตามกำหนด หากแกะเม็ดแรกมาใช้ผิด แล้วแก้ไขได้ทันภายในวันเดียวกัน หรือแก้ไขเมื่อถึงเวลารับประทานยาของวันถัดมา ก็ถือว่ายังมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง (ตามแนวทางพิจารณาเมื่อต่อยาคุม “ออนเจล 20” แผงใหม่ช้า)
แต่ในกรณีของยาคุมแผงแรก ซึ่งควรเริ่มใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน หากใช้ผิดแล้วทำให้ได้เริ่มใช้เม็ดยาฮอร์โมนช้าเกินกำหนด ก็จะต้องรอให้รับประทานเม็ดยาฮอร์โมนติดต่อกันจนครบ 7 วันก่อน จึงจะเริ่มคุมกำเนิดได้นะคะ
- ตัวอย่างที่ 2 : ใช้ผิดตำแหน่ง แต่เม็ดยามีสีเดียวกัน
เมื่อผู้ใช้รับประทานยาคุม “ออนเจล 20” จาก “เม็ดที่ 1” ไปจนถึง “เม็ดที่ 7” แล้ว เม็ดยาที่จะต้องแกะมาใช้ต่อในลำดับถัดไป ก็ควรจะเป็น “เม็ดที่ 8”
แต่ถ้าแกะเม็ดยามาใช้ผิดตำแหน่ง โดยแกะ “เม็ดที่ 14” มาใช้แทน “เม็ดที่ 8” ก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากเม็ดยาทั้งสองมีสีเดียวกัน โดยเป็นเม็ดยาฮอร์โมนเหมือนกัน จึงไม่ต้องแกะเม็ดยาในตำแหน่งที่ถูกต้องมารับประทานซ้ำอีก
หลักสำคัญของการใช้ยาคุม “ออนเจล 20” ก็คือ จะต้องรับประทานเม็ดยาฮอร์โมนติดต่อกันให้ครบ 21 วันก่อน แล้วตามด้วยการรับประทานเม็ดยาหลอกอีก 7 วัน ดังนั้น แม้จะสลับตำแหน่ง แต่ถ้ายังคงได้ใช้เม็ดสีขาวใน 21 วันแรก แล้วตามด้วยเม็ดสีน้ำตาลใน 7 วันสุดท้าย ก็ถือว่าตรงตามหลักการดังกล่าวนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ลูกศรและตัวเลขลำดับที่ระบุไว้ในแผงยา จะช่วยให้ตรวจสอบได้ง่าย และลดความสับสนที่เสี่ยงต่อการรับประทานผิด ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ ก็ควรใช้ให้ถูกต้องตามลำดับ
การแก้ไขสามารถทำได้หลายวิธีค่ะ ตัวอย่างแรกก็คือ ให้รับประทานย้อนศรต่อจนหมดแถวนี้ จากนั้นจึงค่อยรับประทานแถวถัดไปตามลำดับที่ถูกต้อง
ลำดับการใช้จริงของเม็ดยาในแถวนี้ จึงกลายเป็นตัวเลขสีดำในภาพ ไม่ใช่ตัวเลขสีขาวที่อยู่ในแผงยา
หรือวิธีที่สอง ก็คือ ให้รับประทานเม็ดยาที่เหลือในแถวนี้ตามลูกศร อย่างไรก็ตาม ลำดับการใช้จริงก็จะไม่ตรงกับตัวเลขสีขาวที่ระบุไว้ในแผง แต่จะเป็นไปตามตัวเลขสีดำในภาพต่อไปนี้นั่นเอง
หมดแถวนี้แล้ว ก็ให้รับประทานเม็ดยาในแถวถัดไปต่อตามลำดับที่ระบุไว้ในแผงเหมือนเดิม
และวิธีสุดท้ายที่จะแนะนำ เหมาะสำหรับผู้ที่ไล่ลำดับเม็ดยาในแถวเทียบกับวันในสัปดาห์อยู่เสมอ สมมติว่าเริ่มรับประทานยาคุมแผงนี้ในวันพุธ เมื่อไล่ลำดับตามลูกศร เม็ดแรกของแต่ละแถว ซึ่งก็คือเม็ดยาลำดับที่ 1, 8, 15 และ 22 ก็จะตรงกับวันพุธด้วยเช่นกัน
หากเผลอรับประทาน “เม็ดที่ 14” ในวันพุธ ก็ไม่เป็นไร ถือว่ามีการใช้ยาคุมในวันพุธไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องแกะ “เม็ดที่ 8” มารับประทานซ้ำอีก
แต่เพื่อให้สอดคล้องกับการไล่ลำดับซึ่งจะง่ายต่อการตรวจสอบประจำวัน ในวันพฤหัสบดี – ศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ – จันทร์ ให้แกะ “เม็ดที่ 9 – 10 – 11 – 12 – 13” มาใช้ตามลำดับ
และเมื่อถึงวันอังคารที่ควรจะต้องใช้ “เม็ดที่ 14” แต่ไม่มีเม็ดยาอยู่ในแผง เนื่องจากถูกแกะไปใช้แล้วในวันพุธที่ผ่านมา ก็ให้แกะ “เม็ดที่ 8” มารับประทานแทนได้เลย
จากนั้นก็ใช้ “เม็ดที่ 15 – 28” ต่อวันละเม็ดไปตามปกติ
จะเห็นว่ามีแนวทางแก้ไขได้หลายวิธี ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวก
และในกรณีที่ใช้ย้อนศร โดยการสลับเม็ดยาหลอกกับเม็ดยาหลอก (ยกตัวอย่างเช่น เผลอใช้ “เม็ดที่ 28” แทน “เม็ดที่ 22” ซึ่งเป็นเม็ดสีน้ำตาลทั้งคู่) ก็สามารถแก้ไขตามแนวทางข้างต้นได้เช่นกันค่ะ