วิธีรับประทานยาคุม “เมเปิ้ล ฟอร์ท” (Maple forte)

วิธีรับประทานยาคุมเมเปิ้ลฟอร์ท

                “เมเปิ้ล ฟอร์ท” เป็นยาคุมฉุกเฉินชนิดที่มีแผงละ 1 เม็ด ซึ่งในเม็ดยานั้นจะมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (Levonorgestrel; LNG) อยู่ 1.5 มิลลิกรัมค่ะ

                หากดูที่เอกสารกำกับยา จะเห็นการระบุ “ขนาดยาที่แนะนำ” ว่า “รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ให้เร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือมีการคุมกำเนิดที่ผิดพลาดหรือสงสัยว่าผิดพลาด

                และมีการระบุ “วิธีการใช้ยา” ว่า “บริหารยาโดยการรับประทานเพียงครั้งเดียว ให้เร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันหรือมีการคุมกำเนิดที่ผิดพลาดหรือสงสัยว่าผิดพลาด ถ้าอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน อาจรับประทานซ้ำอีกครั้ง

 

                ซึ่งคำแนะนำดังกล่าว จะตรงกับแนวทางของสมาคมสูตินรีแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา (American College of Obstetricians and Gynecologists; ACOG), Faculty of Sexual & Reproductive Healthcare (FSRH) และ International Consortium for Emergency Contraception (ICEC) ที่แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล 1.5 มิลลิกรัมครั้งเดียว ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์

                อย่างไรก็ตาม แนวทางของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention; CDC), องค์การอนามัยโลก (World Health Organization; WHO) และ สมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (American Academy of Pediatrics; AAP) แนะนำว่า แม้จะใช้ไม่ทัน 72 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็ยังสามารถรับประทานได้หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ เพียงแต่ ประสิทธิภาพในการป้องกันอาจลดลงตามเวลาที่ผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลไม่ทัน 96 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ

 

                ดังนั้น หากคุณผู้อ่านมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อ “เมเปิ้ล ฟอร์ท” ก็ให้รับประทานเม็ดเดียว ครั้งเดียว ให้เร็วที่สุดที่ทำได้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ

                หรือถ้าใช้ไม่ทันช่วงเวลาดังกล่าว หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ และไม่สามารถเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดฉุกเฉินอื่น ๆ แทนได้ ก็ยังแนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อลดความเสี่ยงที่มีค่ะ เพราะแม้ว่าประสิทธิภาพอาจลดลงไปบ้าง แต่ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการไม่ป้องกันใด ๆ

 

                แต่ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานและไม่แน่นอน จึงควรใช้เฉพาะในกรณีที่ฉุกเฉินหรือไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าเท่านั้นนะคะ เช่น เมื่อถูกข่มขืน ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่สามารถคุมกำเนิดล่วงหน้าได้ หรือเมื่อเกิดความผิดพลาดจากวิธีคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ เช่น ถุงยางฉีกขาด หรือลืมรับประทานยาคุมรายเดือนแล้วทำให้ไม่มีผลป้องกันจากยาคุมที่ใช้

                เพราะถ้านำยาคุมฉุกเฉินมาใช้เพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยางอนามัย หรือเพียงเพราะไม่อยากรับประทานยาคุมรายเดือน ต่อให้รับประทานทันทีหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จและอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ