วิธีรับประทานยาคุม “แอปคาร์ นอร์แพก” (ABCA NORPAK)

วิธีรับประทานยาคุมแอปคาร์ นอร์แพก

ปรับปรุงล่าสุด 20 มิถุนายน 2022

                “แอปคาร์ นอร์แพก” เป็นยาคุมฉุกเฉินชนิดที่มีแผงละ 2 เม็ดนะคะ และแต่ละเม็ดจะมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (Levonorgestrel; LNG) อยู่เม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม เท่ากันทั้ง 2 เม็ด

                เมื่อรวมกันแล้ว ยาคุม “แอปคาร์ นอร์แพก” 1 แผง ก็จะมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลเท่ากับ 1.5 มิลลิกรัมค่ะ

 

                ขนาดวิธีใช้ตามที่ระบุไว้ข้างกล่องและในเอกสารกำกับยา แนะนำให้รับประทานยา 1 เม็ดภายใน 24 ชั่วโมง แต่ไม่นานเกินกว่า 72 ชั่วโมง ภายหลังจากมีเพศสัมพันธ์ และต้องรับประทานซ้ำอีก 1 เม็ด หลังรับประทานเม็ดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง

 

                อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำวิธีรับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลรูปแบบที่มีแผงละ 2 เม็ดไว้ดังนี้นะคะ

  • การรับประทานแบบครั้งเดียว (Single dose) : ให้รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว
  • การรับประทานแบบแยก 2 ครั้ง (Split dose) : ให้รับประทาน 1 เม็ดไปก่อน แล้วรับประทานอีก 1 เม็ดใน 12 ชั่วโมงต่อมา

                และไม่ว่าจะรับประทานแบบครั้งเดียว หรือจะแยกเป็น 2 ครั้ง ก็ควรรับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ

 

                ในปัจจุบัน หลาย ๆ หน่วยงานหรือสมาคมวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็นองค์การอนามัยโลก (WHO), สมาคมสูตินรีแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา (ACOG), สมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAP), International Consortium for Emergency Contraception (ICEC), Faculty of Sexual & Reproductive Healthcare (FSRH) ก็แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลแบบครบขนาดในครั้งเดียวไปเลยนะคะ เนื่องจากมีประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่าการใช้แบบแยกเป็นสองครั้ง แต่สะดวกในการใช้มากกว่า และไม่ต้องกังวลว่าจะลืมแล้วรับประทานเม็ดที่สองช้ากว่าเวลาที่แนะนำหรือรับประทานไม่ครบขนาด

                ดังนั้น หากคุณผู้อ่านจำเป็นต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน ก็สามารถรับประทาน “แอปคาร์ นอร์แพก” แบบ 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียวได้ค่ะ

                โดยรับประทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งเร็วยิ่งดีนะคะ เนื่องจากผลการศึกษาชี้ว่าการใช้ภายใน 72 ชั่วโมงแรกจะมีประสิทธิภาพดีกว่าการใช้ที่เวลา 72 – 120 ชั่วโมง และโดยเฉพาะ ถ้าเกิน 96 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว ประสิทธิภาพในการป้องกันจะลดลงมากค่ะ

 

                ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่สูงนักอีกทั้งยังไม่แน่นอนนะคะ การนำมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เช่น ใช้เพราะไม่อยากใส่ถุงยางอนามัย จึงมีความเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จ และอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมมากกว่าที่ควรจะเป็น

                จึงควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเฉพาะในกรณีที่ฉุกเฉินซึ่งไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าเท่านั้นนะคะ เช่น ในกรณีที่ถูกข่มขืน ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่สามารถป้องกันหรือคุมกำเนิดล่วงหน้าได้ หรือใช้เป็นวิธีป้องกันสำรองในกรณีที่เกิดความผิดพลาดจากวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานที่ใช้อยู่ เช่น ถุงยางแตก หรือลืมรับประทานยาคุมรายเดือนแล้วไม่มีผลป้องกันต่อเนื่อง ก็ถือว่ามีความเหมาะสมเช่นกันค่ะ